Admin 30 ก.ค. 2567

ชุมพร เจอปลาหมอคางดำในทะเลห่างฝั่ง 500 ม. ชาวบ้านจับขาย ทำปลาป่น

2024-07-30_09-09-07

ชุมพรชายหาดยาว 222 กม. พบปลาหมอคางดำระบาดหนักลงสู่ทะเลห่างฝั่ง 500 เมตร กลุ่มนักอนุรักษ์ ธนาคารปูม้าฯ ปล่อยลูกพันธุ์สัตว์น้ำเท่าไรก็ถูกกินเกลี้ยง เผยถ้าไม่รีบกำจัดชาวประมงเดือดร้อนหนักแน่ โวยหน่วยงานรัฐต้นเหตุปล่อยนำเข้า แล้วไม่ควบคุมจนหลุดระบาดไปทั่ว

หลังจากสื่อมวลชนได้รายงานข่าวเปิดเผยการแพร่ระบาดอย่างหนักของปลาหมอคางดำในหลายจังหวัดทั่วประเทศนั้น ในส่วนของจังหวัดชุมพร ถือเป็นอีกพื้นที่มีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำอย่างหนักมานานนับ 10 ปี และเริ่มรุนแรงมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ชาวประมงจะมีการจับขายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของปลาหมอคางดำได้ จนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอาชีพของชาวประมงอย่างมาก เนื่องจากมีชาวประมงชายฝั่งหลายรายวางอวนแล้วได้แต่ปลาหมอคางดำจำนวนมาก จนกลายเป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตการแพร่ขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ริมทะเลอ่าวไทยอย่างมาก โดยเฉพาะลูกกุ้งกุลา กุ้งขาว กุ้งเคย ลูกปลา ลูกปูม้า ที่กลุ่มนักอนุรักษ์ และหน่วยงานราชการนำไปปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลองและริมอ่าวชายทะเล จะถูกปลาหมอคางดำกินแทบไม่เหลือให้ได้เติบโตแพร่ขยายพันธุ์ได้เลย

โดยเฉพาะในพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดชุมพร ที่อยู่ติดทะเล ได้แก่ อ.ปะทิว อ.เมือง อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.ละแม ซึ่งมีลำคลองและริมชายหาดติดกับทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีความยาวรวมกันมากถึง 222 กิโลเมตร จากทิศเหนือเขตติดต่อกับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และทิศใต้เขตติดต่อกับ จ.สุราษฎร์ธานี หน่วยงานเกี่ยวข้องต่างเร่งรณรงค์และออกมาตการกำจัดปลาหมอคางดำร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกันอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้

ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านริมคลองอีเล็ตและคลองท่าตะเภา ในพื้นที่ตำบลท่ายาง ตำบลปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เคยดำเนินชีวิตด้วยการนำเรือเล็กออกทำประมงหา กุ้ง ปู ปลา รวมถึงการเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อขาย ต้องพบเจอกับปลาหมอคางดำมานานนับ 10 ปีแล้ว แต่ในช่วง 2 ปีหลังมานี้เริ่มสังเกตได้ว่าหาสัตว์น้ำได้น้อยลง จนแทบจับได้แต่ปลาหมอคางดำเท่านั้น ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น จนต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นการออกหาปลาหมอคางดำขายให้กับโรงงานปลาป่นและผู้บริโภคทั่วไป เนื่องจากสัตว์ทะเลชนิดอื่นเช่นปลากระบอก กุ้งขาว กุ้งก้ามกราม ถูกปลาหมอคางดำจับกินจนหมด ตัดวงจรการแพร่พันธุ์หมดแล้ว ซึ่งคลองอีเล็ตนั้นเชื่อมต่อกับคลองท่าตะเภา ที่ไหลมาจากในตัวเมืองชุมพรก่อนระบายลงสู่ทะเลอ่าวไทยที่ปากน้ำชุมพร

นายสง่า คงศิริ อายุ 57 ปี ชาวประมงริมคลองอีเล็ต ให้ข้อมูลว่าช่วงที่ผ่านมาหลังจากสัตว์ท้องถิ่นที่เคยหาจับได้นั้นปัจจุบันแทบจะไม่เหลืออยู่ในคลองอีเล็ต มีเหลือแต่ปลาหมอคางดำเท่านั้นที่จับมาได้ ส่วนสัตว์น้ำอื่น ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลาสายพันธุ์ต่างๆ เรียกได้ว่าสูญหายไปจากคลองแห่งนี้หมดแล้ว ตนเองเห็นมาเป็น 10 ปีแล้ว ตอนนี้มันแทบจะเป็นอาชีพหลักของชาวประมงไปแล้วในการจับปลาหมอคางดำขาย  แต่ในพื้นที่มีเพียงโรงงานเดียวที่รับซื้อปลาหมอคางดำในราคากิโลกรัมละ 6 บาท เพื่อนำไปทำปลาป่น ส่วนโรงงานอื่นๆ อีกหลายแห่งไม่รับซื้อบอกว่าปลาหมอคางดำมีแต่ก้างเนื้อน้อย แต่ก็ต้องทำเพราะยึดอาชีพประมงมานานจึงไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรได้อีก

ด้าน นายจิรวุฒิ คำภิโรจน์ เจ้าหน้าที่ชำนาญการประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชุมพร เปิดเผยว่าตอนนี้ใน จ.ชุมพรพบว่ามีการระบาดอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือทั้งพื้นที่ในคลองและในทะเล โดยทางศูนย์ฯ จะนำตัวอย่างของปลาหมอคางดำที่พบในทะเลรอบนี้ นำไปผ่าพิสูจน์เพื่อดูว่าในท้องปลาหมอคางดำ ได้จับสัตว์น้ำชนิดใดกินเป็นอาหารบ้าง โดยการวิเคราะห์ในกระเพาะอาหาร รวมถึงการเก็บข้อมูลเรื่องขนาดความยาวและน้ำหนักตัว และจะนำไปพัฒนาในการจับและกำจัด โดยช่วงนี้มีการพบเจอปลาหมอคางดำมากขึ้นในทะเล หลังจากที่มีข้อมูลว่าชาวบ้านได้ออกไปวางอวนทำประมง สามารถวางอวนจับปลาหมอคางดำได้ในเขตระยะห่างจากฝั่งทะเลประมาณ 500 เมตร

นางทิพยรัตน์ ทิพย์มงคล ชาวบ้านตำบลบางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่มาช่วยจับปลาหมอคางดำ กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ หมู่ 8 ตำบลบางสน ที่ตนเองอาศัยนั้นเมื่อหลายปีมาแล้วในช่วงหน้าน้ำ หน้าฝน น้ำก็จะไม่ไหลลงทะเล ปลาและสัตว์น้ำจะเข้ามาวางไข่ในคลองบางเสียบ หมู่ 8 ตำบลบางสน มีทั้งปลาสาก ปลาน้ำดอกไม้ ปลากะพงแดง ปลากระบอก และสัตว์น้ำท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก ตนก็จะไปจับปลาในตอนเช้าแต่ละครั้งได้จำนวนมาก แต่ตอนนี้ในคลอง มีแต่ปลาหมอคางดำแพร่ระบาดเต็มไปหมด ลูกปลาเล็กลูกปลาตัวน้อยที่ไปอยู่บริเวณหน้าปากคลอง ปากอ่าว เพื่อรอวันเจริญเติบโต รวมถึงกุ้งกุลา ปลากระบอก และกุ้งเคย ที่อยู่ตามริมคลอง ริมอ่าวในทะเลก็ไม่มีเหลือแล้ว ถูกปลาหมอคางดำกินหมด “ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหน่วยงานราชการหละหลวมไม่มีมาตรการควบคุมที่ดี ปล่อยให้มีการนำเข้าจนมาสู่การระบาด แล้วมาตามแก้ปัญหาภายหลังมันก็คงเป็นเรื่องยากมาก”

ด้าน นายณรงค์ ม่วงทองคำ หรือ “ลุงเช็ค” ผู้ก่อตั้งธนาคารโรงรับจำนำปูตำบลสะพลี อ.ปะทิว โดยรับฝาก รับจำนำปูไข่ ระยะไข่อยู่นอกกระดอง จากชาวประมง เพื่อนำเลี้ยงรอให้ตัวแม่ปูสลัดไข่เป็นตัวอ่อนตัวออกจากตัวจนหมด แล้วเลี้ยงอนุบาลจนโตเหมาะสมที่จะนำไปปล่อยลงแหล่งน้ำและในทะเล แต่ทุกครั้งที่ปล่อยลูกปูม้าลงทะเลก็จะรู้สึกกังวลมาตลอด เพราะจะเห็นปลาหมอคางดำมารวมกันเป็นฝูงเพื่อรอกินลูกปูที่อนุบาลแล้วปล่อยลงสู่ทะเลตามจุดต่างๆ

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์