Admin
10 ก.ค. 2566
อ่าวมาหยา “สวรรค์ของฉลามครีบดำ” เตรียมผลักดันเป็นพื้นที่ในการอนุรักษ์และวิจัย
ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลฯ จ.ตรัง เผยผลสำรวจจำนวนและพฤติกรรมตามธรรมชาติของฉลามครีบดำในอ่าวมาหยา เตรียมผลักดันให้พื้นนำร่องในการอนุรักษ์และวิจัย
“อ่าวมาหยา” จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวโด่งดังระดับโลก โดยเฉพาะการเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่ทำให้นักท่องเที่ยวแห่แหนกันมาเยือนไม่เคยว่างเว้น จนกระทั่งช่วงเวลาหนึ่งเกิดปัญหาปริมาณนักท่องเที่ยวมากเกินความพอดี และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้ประกาศปิดอ่าวมาหยา เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2565 ยาวนานเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน
ปัจจุบัน “อ่าวมาหยา” กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามได้ตามปกติแล้ว ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์เรื่องการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว ตลอดจนการจัดระเบียบเรือรับส่งนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลจากการฟื้นฟูดังกล่าว ทำให้อ่าวสวยระดับโลกแห่งนี้ กลายเป็น “สวรรค์ของฉลามครีบดำ”
เมื่อเร็วๆนี้ แฟนเพจส่วนอุทยานแห่งชาติ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า
อ่าวมาหยาเกาะพีพีเล เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อ่าวมาหยาเป็นอ่าวขนาดเล็กโอบล้อมด้วยเขาหินปูน มีหาดทรายที่ขาวละเอียด ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์สวยงาม ที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านอันอบอุ่นของเหล่าฉลามครีบดำ
นายจินดา ศรีสุพพัตพงษ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการสำรวจติดตามประชากรและพฤติกรรมของฉลามครีบดำ (Carcharhinus melanopterus) ภายใต้โครงการสำรวจจำนวนและพฤติกรรมตามธรรมชาติของฉลามครีบดำในอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ (Shark Watch Project) ว่า การสำรวจฉลามครีบดำที่อ่าวมาหยา เกิดจากช่วงอ่าวมาหยาได้ทำการปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูเเนวปะการัง และพบว่ามีฉลามครีบดำเข้ามาดำรงชีวิตในเเนวปะการัง และพบจำนวนฉลามครีบดำมากที่สุดประมาณ 100 ตัว ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ที่ผ่านมา
“ หลังจากทำการเปิดอ่าวมาหยาให้สามารถกลับมาท่องเที่ยวได้พบว่า จำนวนฉลามในอ่าวมาหยามีจำนวนที่ลดลง จึงได้ทำการสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลถึงปัจจัยต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต พฤติกรรมของฉลามครีบดำ รวมไปถึงจำนวนของฉลามครีบดำในเเต่ละรอบเดือน และผลักดันให้พื้นที่อ่าวมาหยาเป็นพื้นที่นำร่องในการอนุรักษ์และวิจัย เพื่อให้พื้นที่อ่าวมาหยาเป็นพื้นที่ที่พิเศษ สำหรับเป็นแหล่งผสมพันธุ์หรือหาอาหารของฉลามวัยอ่อน อีกทั้งเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักท่องเที่ยว เวลามาท่องเที่ยวอ่าวมาหยาแล้วสามารถพบเห็นฉลามในแหล่งอาศัยตามธรรมชาติ ”
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลฯ เล่าอีกว่า โดยจะมีวิธีสำรวจด้วยการบินโดรน วันละ 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น เพื่อนับประชากรฉลาม และตั้งกล้องถ่ายใต้น้ำ BRUVS (Baited Remote Underwater Video Station) โดยใช้เหยื่อล่อ เพื่อสังเกตพฤติกรรมฉลาม วันละ 4 เวลา (เช้า-กลางวัน-เย็น และค่ำ) และมีการวัดคุณภาพน้ำ ติดตั้ง Data Logger เพื่อเก็บข้อมูลอุณหภูมิรายชั่วโมงและข้อมูลแสง เป็นต้น
จากการสำรวจนี้ยังพบว่า จำนวนในการพบฉลามครีบดำในเเต่ละช่วงการสำรวจไม่เหมือนกัน จึงยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่า มีฉลามครีบดำ เพิ่มขึ้นหรือลดลงเพียงใด เนื่องจากมีหลายปัจจัย เช่น จำนวนเรือ นักท่องเที่ยว สภาพอากาศ และสภาพพื้นที่เเนวปะการัง เป็นต้น
การสำรวจฉลามครีบดำที่อ่าวมาหยานี้ จึงเป็นก้าวแรกของการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจ “ฉลามครีบดำ” แห่งแรกของประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสัตว์ผู้ล่าแห่งท้องทะเลอันสง่างามชนิดนี้ และหาแนวทางอนุรักษ์ได้ต่อไป
ที่มา: MRG Online