Admin 13 พ.ค. 2560

เอาให้อยู่! สั่งจับตาผืนป่ารอยต่อแพร่-น่าน เร่งสกัดกั้นพวกลักลอบตัดไม้ที่เหิมเกริมไม่หยุด

560000005013101

สนธิกำลังสกัดกั้นขบวนการลักลอบค้าไม้ข้ามชาติ พบไม้ชิงชัน 42 ท่อน มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ขณะที่ ก.ทรัพย์ฯ ตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า” ป้องป่าน่าน หลังขบวนการตัดไม้ชิงชันยังเหิมเกริม

พล.ท.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. (ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก/ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) พร้อมด้วยนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษาผู้อำนวยการสำนักป้องกันและควบคุมไฟป่า และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ และปกครองกว่า 100 นาย

ติดตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นขบวนการบุกรุกป่า และลักลอบตัดไม้ของกลุ่มนายทุนค้าไม้ชิงชันข้ามชาติ ที่เข้าลักลอบตัดไม้ในพื้นที่เขตรอยต่อจังหวัดน่านกับจังหวัดแพร่ ป่าสงวนต้นน้ำน่านป่าน้ำสาฝั่งขวาตอนขุน ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน และป่าต้นน้ำแม่ยม ป่าแม่สอง ต.เตาปูน อ.สอง จ.แพร่ ซึ่งถือเป็นป่าชิงชันที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ยังหลงเหลืออยู่

จากการตรวจสอบพบมีการลักลอบตัดไม้ชิงชันขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ยาว 4 เมตร จำนวน 42 ท่อน มูลค่า 2-4 ล้านบาท ซุกซ่อนกระจายอยู่ในพื้นที่ทำกินชาวบ้านที่บ้านน้ำพุสูง หมู่ 5 ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ เพื่อรอการขนย้ายตามคำสั่งซื้อของนายทุน โดยจะใช้เส้นทางขนย้ายไม้ซึ่งกลุ่มนายทุนค้าไม้เถื่อนตัดเอาไว้ 3 เส้นทาง ผ่านทางหมู่บ้านบ่อหอย-บ้านภักดีธรรม ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน และออกสู่พื้นที่ตอนล่างของประเทศ และต่างประเทศในที่สุด โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ร่วมขบวนการด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึด และขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า เพื่อปกป้องพื้นที่ป่าสมบูรณ์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า” โดยบูรณาการสนธิกำลังของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 รวมทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ พลเรือน ในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติ ทั้งไม้ชิงชัน พะยูง ไม้สัก ไม้ประดู่ ในพื้นที่รอยต่อ จ.น่าน และแพร่ ถือเป็นป่าชิงชันที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ยังหลงเหลืออยู่ จำเป็นต้องวางมาตรการเพื่อปกป้องไม่ให้ถูกกลุ่มนายทุนต่างๆ ลักลอบตัดส่งขายข้ามชาติ

โดยจะทำการตัดเส้นทางลักลอบลำเลียงไม้ เพื่อขบวนการทำไม้เถื่อนไม่สามารถกลับมาใช้เส้นทางเดิมได้อีก แต่จะต้องเป็นจุดที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่าน้อยที่สุด ทั้งไม่ให้มีผลกระทบต่อเส้นทางสัญจรตามปกติของชาวบ้านด้วย และมีการตั้งด่านตรวจด่านสกัดถาวรในเส้นทางลำเลียง พร้อมดึงมวลชนให้เป็นผู้ช่วยสอดส่อง และแจ้งเบาะแสให้แก่ทางเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ ยังบูรณาการกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยในการตรวจสอบจับกุม กดดัน และปราบปรามผู้กระทำความผิด และการใช้มาตรการสร้างป่าชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ซึ่งหากวิธีการนี้สำเร็จก็จะนำไปต่อยอดสกัดกั้นการลำเลียงไม้ในผืนป่าอื่นๆ ทั่วประเทศ

พร้อมกันนี้ยั งได้ทำข้อตกลงกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อติดตั้งเสาสัญญาณโครงข่ายโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต เพื่อให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติงาน และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA ในการรายงานข้อมูลสภาพป่ารายวัน

รวมทั้งในอนาคตจะมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อใช้เทคโนโยลีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งเชื่อว่ามาตรการ และความร่วมมือทั้งหมดนี้จะสามารถหยุดยั้งขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติในพื้นที่จังหวัดน่านได้

ทางด้าน พล.ท.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวว่า ขบวนการค้าไม้มุ่งเน้นไปที่ไม้ชิงชัน และประดู่ ซึ่งปัจจุบันเป็นไม้ที่มีความต้องการจากตลาดต่างประเทศสูงรองจากไม้พะยูง และมีราคาแพงในขณะนี้ ราคาความยาวนิ้วละ 1 พันบาท แต่เมื่อไปถึงพื้นที่ล่าง และต่างประเทศ ราคาจะสูงขึ้นถึง 10 เท่า โดยผืนป่ารอยต่อ จ.น่าน และแพร่ ถือเป็นป่าที่มีไม้ชิงชันที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่หมายตาของกลุ่มค้าไม้ ที่ผ่านมากำลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการปราบปรามอย่างหนัก

ขณะที่กลุ่มค้าไม้ก็หาวิธีเข้ามาลักลอบตัดไม้ โดยปัจจุบันผู้กระทำความผิดได้มีการตัดเส้นทางใหม่ในลักษณะเป็นอุโมงค์ใช้ต้นไม้ใหญ่อำพรางบังการตรวจสอบจากระบบดาวเทียม และการลาดตระเวนทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทางกองทัพบกให้ความสำคัญอย่างมาก

และจากนี้ต่อไป ทุกฝ่ายจะร่วมมือทั้งลาดตระเวน ปราบปราม รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายดําเนินคดีต่อขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายาก ขยายผลสู่กลุ่มนายทุน และยึดทรัพย์ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางตามแผนงานพลิกฟื้นผืนป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

560000005013102 560000005013103 560000005013104 560000005013105 560000005013106 560000005013107 560000005013108

ที่มา : http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9600000048308