Admin 2 พ.ค. 2560

เก็บรายได้เกาะไข่ ลดความสูญเสียทรัพยากรทะเล

0010030052560

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักท่องที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น บนเกาะไข่ ทั้ง 3 แห่ง ในจังหวัดพังงา ทำให้เกิดผลกระทบหลายหลายด้าน ปัญหาสำคัญทำให้ทรัพยากรธรรมชาติ เสื่อมโทรมลง ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไป

เรามองไปทั่วทั้งเกาะ พบนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่มาเที่ยวภูเก็ตจำนวนมากช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เป็นคำถามถึงความสูญเสียโอกาสของการจัดเก็บรายได้ เพื่อนำเงินมาบำรุงท้องถิ่น ดูแลทรัพยการทางทะเลที่เสื่อโทรมลง หากเปรียบเทียบกับหมู่เกาะต่าง ๆ ในพังงา อย่างสิมิรัน หมู่เกาะสุรินทร์ ที่มีกรมอุทยานบังคับใช้กฎหมายดูแล ทำให้เกิดรายได้ถล่มทลาย ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อเดือน แม้เกาะไข่จะเป็นพื้นที่ชายเล็กเล็ก แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวแทบไม่ต่างกัน

นักท่องเที่ยว บนเกาะไข่นอก เกาะไข่ใน แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3000 - 5000 คนในช่วงเทศกาล จนเกินขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว

เรือสปีดโบทที่จอดเรียงรายช่วงวันหยุดตลอดแนวชายฝั่ง ไม่เหลือพื้นที่เล่นน้ำ คือ คำตอบที่ยืนยันได้ชัด ถึงความแออัดของการท่องเที่ยว สาเหตุสำคัญที่ทำปะการังฟื้นตัวได้ช้า ก็มาจากพฤติกรรมการท่องเที่ยว

ผลงานวิจัยของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าพื้นที่เกาะไข่นอก มีพื้นที่ที่เป็นหาดทราย 9800 ตารางเมตร ตามหลักการ 1 คน ต้องการพื้นที่ 8 ตารางเมตร สำหรับใช้ท่องเที่ยว อยู่อย่างสบาย หากคิดเป็นจำนวนที่จะรองรับต่อช่วงเวลา คือ ร1225 คน แต่นักท่องที่ยวบางช่วงเวลา 1500 -2000 คน จึงเกินอัตราของพื้นที่ ยังไม่รวมผู้ประกอบการ เจ้าของเรือ

แนวคิดการจัดเก็บรายได้ รองนายกเทศมนตรี ตำบลพรุใน สมหมาย ปลูกไม้ดี ยอมรับว่า นับเป็นความสูญเสียโอกาส แต่คณะกรรมการบริหารจัดการเกาะไข่ วางแผนประชุมร่วมผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ ภูเก็ตแล้ว ที่ผ่านมาติดปัญหาข้อกฎหมาย ไม่มีท่าเทียบเรือให้ผู้ประกอบการจอด ล่าสุดจังหวัดจัดการเรื่องโป๊ะท่าเทียบเรือให้แล้ว คาดว่าจะได้ผลสรุป เพื่อจัดเก็บค่าขึ้นเกาะ ในช่วงไฮซีซั่นหน้า

การสร้างท่าเทียบเรือในอนาคต จะกลายเป็นปัญหรือไม่อย่างไร เป็นโจทย์สำคัญที่ต้องรอบคอบ ควบคู่กับการจัดการ ขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยว

สิ่งปลูกสร้าง ร้านอาหารเอกชน ที่เห็นเด่นชัดอีกแห่ง บนเกาะไข่นุ้ย ที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะไข่นอก เป็นเกาะเล็กเล็ก ที่นักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูปะการัง มีชายหาดเล็กๆอยู่บนเกาะ แต่สิ่งปลูกสร้างที่พบกลายเป็นคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่

ความเห็นจากนักวิจัยมองว่าอาจะส่งผล ต่อระบบนิเวศน์โขดหิน และ ทั้งปัญหาน้ำเสีย จะจัดการอย่างไร

ทีมข่าวสอบถาม นายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอเกาะยาว ระบุว่า สิ่งปลูกสร้างที่เห็น เป็นร้านของเอกชน แต่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร และ คงต้องนำเรื่องนี้มาพูดคุยกัน ระหว่างผู้ที่มีหน้าที่ดูแล เพื่อแก้ไขต่อไป

นับจากนี้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เกาะไข่จะได้รับการพัฒนาไปอย่างไร สิ่งสำคัญ คือ การกฏวางระเบียบ สร้างจิตสำนึกให้ชัดเจน เพื่อรักษาความสวยงามนี้ไว้ ไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติ ถูกทำลายไปเรื่อยๆ

ที่มา : http://www.now26.tv/view/103531