Admin
20 ก.พ. 2566
พบ 'เต่าหัวค้อน' เต่าทะเลหายากบาดเจ็บมีบาดแผลคล้ายถูกยิงด้วยปืน
วันที่ 17 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาขิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุย ว่าได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านพบเต่าทะเลขนาดใหญ่ลอยมาใกล้บริเวณชายหาดอ่าวบ้านท้องโตนด หมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเต่าทะเลขนาดใหญ่ตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองว่ายน้ำได้ เรื่องนี้ได้ประสานไปยังนายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย ซึ่งได้เดินทางมาตรวจสอบด้วยตัวเองพร้อมด้วย อส.อำเภอเกาะสมุย
จากการตรวจสอบเต่าทะเลตัวดังกล่าวลอยห่างจากฝั่งประมาณ 5 เมตรโดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มายืนดูด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเกาะสมุย พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้นำเต่าทะเลขึ้นบนฝั่งเพื่อตรวจหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเต่าตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงไม่สามารถหากินได้ด้วยตัวเอง

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบบริเวณกระดองมีรู 2 รู ซึ่งอาจจะเป็นรูเข้าและรูออกโดยสภาพของรูเป็นรูที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว เนื่องจากมีตระไคร่เกาะเต็มกระดอง สำหรับรูที่พบบนกระดองคาดว่า อาจเป็นรูของกระสุนปืนที่เต่าตัวนี้ถูกยิงมา นอกจากนี้ยังพบบาดแผลบริเวณลำคอด่านบนของเต่ามีรูขนาดเดียวกันที่กระดองจำนวน 1 รู หรืออีกสาเหตุอาการที่เต่าป่วยดังกล่าวอาจจะเกิดจากการที่เต่าไปกินถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งในทะเล
สาเหตุจะต้องให้ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เดินทางมาพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุของเต่าทะเลตัวดังกล่าวอีกครั้ง และจากการตรวจสอบสายพันธุ์เต่าตัวนี้พบว่าเป็นเต่าทะเลหรือที่เรียกว่า เต่าหัวค้อน เพศเมียมีอายุประมาณ 60 ปี ความยาวของกระดอง 80 เซนติเมตร และความกว้างของกระดอง 77 เซนติเมตร คาดว่ามีน้ำหนักตัวประมาณ 50 ถึง 60 กิโลกรัม จากนั้นนายอำเภอเกาะสมุยได้ประสานไปยังอควาเรียม เพื่อนำเต่าที่พบไปพักฟื้นเพื่อรอเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งการพบเต่าหัวค้อนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเกาะสมุยที่เต่าทะเลสายพันธุ์นี้ลอยมาติดชายฝั่งของเกาะสมุย
สำหรับเต่าหัวค้อนมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน ได้แก่ เต่าล็อกเกอร์เฮด หรือ เต่าจะละเม็ด เป็นเต่าทะเลลักษณะทั่ว ๆ คล้ายเต่าหญ้า และเต่าตนุมากต่างกันที่เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้ามีจำนวน 2 คู่เท่ากับเต่าหญ้า แต่เกล็ดบนกระดองหลังแถวข้างมีจำนวน 5 แผ่นซึ่งต่างจากเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ และรูปทรงของกระดองจะเรียวเล็กลงมาทางส่วนท้ายและเป็นสันแข็งเห็นชัดเจน กระดองมีสีน้ำตาลแดง น้ำตาลเหลือง หรือน้ำตาลส้ม ขอบชายโครงมีสันแข็ง ที่สำคัญมีจุดเด่น คือ มีหัวขนาดใหญ่โตอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเต่าหัวค้อน และมีขาซึ่งเป็นใบพายทั้งคู่หน้าและคู่หลังจะมีเล็บหนึ่งเล็บในแต่ละข้าง
ขนาดของตัวเมื่อโตเต็มที่มีขนาดกระดองหลังยาวประมาณ 85 เซนติเมตร กระดองท้อง 60 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม กินอาหารจำพวก สัตว์น้ำมีเปลือกและหอย เป็นอาหารหลักพบตัวได้น้อยมากบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก แต่พบมากที่มหาสมุทรแอตแลนติกในน่านน้ำไทยพบน้อยมาก ปัจจุบันเต่าหัวค้อนในประเทศไทยถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 เช่นเดียวกับเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ
นายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุยกล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านจึงเดินทางมาตรวจสอบพบว่าเต่าอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงและอาจจะตายได้ จึงได้ประสานไปยังนายอำเภอเกาะสมุย ตนคาดว่าเต่าตัวนี้น่าจะกินถุงพลาสติกเข้าไปทำให้มีอาการป่วย ส่วนรู่ที่พบต้องให้รอให้ผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ว่ารูดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร แต่สภาพโดยรวมคาดว่าได้รับบาดเจ็บมานาน จึงขอฝากถึงชาวประมงและนักท่องเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลไม่ควรไปทำร้ายควรที่จะดูห่าง ๆ ที่สำคัญเรือต้องชะลอความเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเต่าทะเล และขอให้งดทิ้งขยะลงทะเลโดยเฉพาะขยะประเภทถุงพลาสติกเพราะเต่าทะเลคิดว่าเป็นแมงกระพรุนจึงกินทำให้เต่าเสียชีวิตได้เช่นกัน
นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า ฝากถึงชาวประมงพื้นบ้านรวมถึงเรือนำเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลได้รับบาดเจ็บให้รีบแจ้งเจ้าหน้าให้ทราบทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวของเข้ามาดูแล และจากการตรวจสอบเบื้องต้นหากเป็นเต่าหัวค้อนจะเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเต่าชนิดนี้เป็นที่หายากและเป็นเต่าทะเลสายพันธุ์หนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลและอนุรักษ์เต่าทะเลทุกสายพันธุ์ด้วย เพื่อความสมดุลทางธรรมชาติใต้ทะเล
ที่มา: แนวหน้า