Admin 28 พ.ย. 2565

สหรัฐอนุมัติรื้อเขื่อนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่ออนุรักษ์ แซลมอน ใกล้สูญพันธุ์

1

เขื่อน 4 แห่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ Klamath ในรัฐแคลิฟอร์เนียและโอเรกอนของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นแหล่งผสมพันธุ์ปลา แซลมอน กำลังจะถูกรื้อทิ้ง

หน่วยงานอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยปลาใกล้สูญพันธุ์ของสหรัฐอเมริกาอนุมัติการรื้อเขื่อน 4 แห่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียและโอเรกอน โดยนับเป็นการรื้อเขื่อนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา การรื้อเขื่อนในครั้งนี้หวังจะพัฒนาคุณภาพของแม่น้ำ Klamath ซึ่งเป็นเส้นทางที่แซลมอนชินูก และแซลมอนใกล้สูญพันธ์อย่างแซลมอนโคโฮ ว่ายผ่านจากมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อขึ้นไปยังแหล่งผสมพันธุ์ที่อยู่ต้นน้ำ และลูกปลาจะใช้เส้นทางเดียวกันนี้ว่ายกลับสู่ทะเลในเวลาต่อมา

คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งเรียกคืนใบอนุญาตดำเนินกิจการเขื่อน และยังเห็นชอบให้มีการรื้อถอนเขื่อนทั้ง 4 แห่ง การรื้อถอนเขื่อนในครั้งนี้เป็นสิ่งเป็นสิ่งที่ชนเผ่าพื้นเมืองซึ่งบรรพบุรุษพึ่งพาแซลมอนในการหาเลี้ยงชีพมาหลายศตวรรษต่างคาดหวัง หลังจากวิถีชีวิตของพวกเขาถูกรบกวนจากการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรปและความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ชนบทในศตวรรษที่ 20

Joseph James หัวหน้าชนเผ่า Yurok ได้ให้ความเห็นถึงการรื้อถอนเขื่อนว่าถือเป็นชัยชนะของชนพื้นเมือง โดยหลังจากนี้พวกเขาจะกลับมาดำเนินภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ต่อปลาที่หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขามาแต่ครั้งอดีตกาลได้อีกครั้ง เขากล่าวว่า "แซลมอนแห่งแม่น้ำ Klamath กำลังจะได้กลับบ้านแล้ว"

ภาวะโลกรวนและภัยแล้งได้เปลี่ยนแปลงสภาพแหล่งที่อยู่ของแซลมอน ทำให้แม่น้ำอุ่นเกินกว่าที่ปลาบางชนิดจะสามารถอยู่รอดได้ และยังมีพยาธิมากเกินไป บริษัทผลิตไฟฟ้า PacifiCorp ซึ่งอยู่ในเครือบริษัท Berkshire Hathaway ของมหาเศรษฐี Warren Buffet จะคืนใบอนุญาตดำเนินกิจการเขื่อนทั้ง 4 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าสำหรับการใช้งานของประชากร 7,000 หลังคาเรือน ก่อนหน้านี้ PacifiCorp ประสบค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจากกฎระเบียบใหม่ที่บังคับสร้างแผงกั้นและบันไดปลา บริษัทจึงทำข้อตกลงกับชนเผ่าพื้นเมืองและรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะยุติการดำเนินกิจการเขื่อน

ทั้งนี้โฆษกของ PacifiCorp กล่าวว่า บริษัทได้ให้เงินสมทบการรื้อถอนเขื่อนเป็นเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินที่มาจากค่าบริการที่เก็บจากผู้บริโภคในรัฐโอเรกอนและแคลิฟอร์เนีย โดยเงินอีกส่วนหนึ่งเป็นจำนวน 250 ล้านเหรียญมาจากการออกพันธบัตรซึ่งเห็นชอบโดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ที่มา: ThaiPBS NEWS