News

ประมงพื้นบ้านคึก! แห่จับกุ้งหัวเรียว-แชบ๊วยโผล่เต็มปากน้ำกระบี่ ทำเงินวันละไม่ต่ำกว่า 2-3 พัน

วันที่ 25 มีนาคม 2560 นายศักดิ์ดา สุขเกษม หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดกระบี่  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบที่บริเวณชายฝั่งปากแม่น้ำกระบี่ ม.1 ต.คลองประสงค์  อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ตรงข้ามท่าเทียบเรือเจ้าฟ้าเทศบาลเมืองกระบี่  หลังรับแจ้งว่า มีกุ้งหัวเรียวและกุ้งแชบ๊วยเข้ามาอาศัยบริเวณดังกล่าวจำนวนมาก โดยมีชาวประมงพื้นบ้านนำเรือหางยาวกว่า 30 ลำ ปิดล้อมแล้วใช้แหเหวี่ยงลงไปจับกุ้งได้เป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดยชาวประมงพื้นบ้านตำบลคลองประสงค์เล่าว่า พบกุ้งหัวเรียวและกุ้งแชบ๊วยโผล่ที่บริเวณปากแม่น้ำกระบี่ เมื่อช่วง2-3วันที่ผ่านมาแล้ว  จึงได้นัดแนะชาวบ้านนำเรือหางยาวออกมาปิดล้อมเพื่อจับกุ้งดังกล่าว เพื่อเป็นรายได้เสริม โดยในปีนี้ พบว่ากุ้งมีขนาดใหญ่ขึ้นและเข้ามาใกล้ชายฝั่งมากกว่าทุกปี  ทำให้ชาวประมงไม่ต้องออกไปไกลชายฝั่ง ลดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาไม่นาน ก็หาเงินได้แล้วเฉลี่ยคนละ 30-100 กก. ขณะที่ปีนี้กุ้งมีราคาดี มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100บาท เพราะเป็นกุ้งที่ได้จากธรรมชาติ และมีความสด รสชาติดี เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ชาวประมงจึงมีรายได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 บาท ต่อวัน

นายศักดิ์ดา  กล่าวว่า กุ้งหัวเรียวและกุ้งแชบ๊วย เข้ามาอาศัยหากินตามแนวชายฝั่งของจังหวัดกระบี่ ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนทุกปี และมีปริมาณมากขึ้นหลังจากมีการรณรงค์ไม่ใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านเป็นอย่างดี  ทั้งเรืออวนรุน โพงพางและโป๊ะน้ำตื้น ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวมักจะใช้อวนตาถี่ล้วนแล้วแต่เป็นการทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อน ทำให้ไม่มีโอกาสเจริญเติบโตหรือขยายพันธุ์  ซึ่งการจับกุ้งด้วยวิธีการทอดแห โดยนำเรือหางยาวปิดล้อมเป็นวิธีการจับสัตว์น้ำที่ไม่ผิดกฎหมายและไม่เป็นการทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นภูมิปัญญาของชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดกระบี่ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศไทย

นายศักดิ์ดากล่าวอีกว่า ปีนี้คาดว่าปริมาณกุ้งจะมีมากกว่าทุกปี ซึ่งในช่วงวันที่2-3 วันที่ผ่านมา พบว่ามีกุ้งหัวเรียวเข้ามาอาศัยตามแนวชายฝั่งปากแม่น้ำกระบี่จำนวนนับแสนตัว  มากในช่วงเช้า และช่วงเย็น  ทั้งนี้บริเวณชายฝั่งของจังหวัดกระบี่ ได้การรื้อทำลายเครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกไปแล้ว หลายราย โดยเฉพาะโป๊ะน้ำตื้น ซึ่งได้มีการรื้อทำลายไปแล้วกว่า 200 ปาก ซึ่งส่งผลทำให้สัตว์น้ำเข้ามาอาศัยตามแนวชายฝั่งได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1490430134