Admin
11 เม.ย. 2565
ชะลอขุดลอกร่องน้ำทะเลตรัง หวั่นกระทบแหล่งพะยูน ระดมนักวิชาการ-ประมงพื้นบ้านร่วมศึกษา
8 เม.ย.2565 - นายจรัญ ดำเนินผล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 กรมเจ้าท่า เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อศึกษาผลกระทบโครงการขุดลอกร่องน้ำทะเลตรัง ว่า ตอนนี้ได้ส่งเรื่องให้กับคณะอนุกรรมการพะยูนจังหวัดตรัง ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ เพื่อร่วมรวบรายชื่อคณะกรรมการร่วม แล้วส่งให้กรมเจ้าท่าตามลำดับ ซึ่งจริงๆแล้วมีผลการศึกษาการขุดลอกอยู่แล้ว แต่เมื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการพะยูนจังหวัดตรัง ได้มีข้อสงสัยอีกหลายประเด็น และทางกลุ่มอนุรักษ์เรียกร้องให้ไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น เรื่องการเคลื่อนย้ายของตะกอนในหน้ามรสุมว่าไปในทิศทางใด การฟุ้งกระจายของตะกอน หากมีการขยายร่องน้ำจะส่งผลกระทบด้านใดบ้าง การนำหินสายสมอในร่องน้ำออก
"ในปี 2565-2566 จะไม่มีการขุดลอกร่องน้ำ เพื่อให้ทุกอย่างตกผลึก มีการศึกษาที่ชัดเจนว่าหากขุดแล้วจะไม่มีผลกระทบ การจะเข้ามาดำเนินการได้นั้นต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อหญ้าทะเลหรือไม่ การกำหนดจุดทิ้งตะกอน ว่าจะทิ้งในทะเล หรือ ทิ้งบนบก ต้องกำหนดจุดที่ชัดเจน ปริมาณต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้ตะกอนกระทบต่อหญ้าทะเลและสิ่งแวดล้อม" นายจรัญกล่าว
ทั้งนี้กรมเจ้าท่าได้ดำเนินโครงการขุดลอกร่องน้ำบริเวณปากแม่น้ำตรัง สนับสนุนการเดินเรือและการพัฒนาภาคธุรกิจแถบภาคใต้ แต่นักอนุรักษ์และชาวบ้านเชื่อว่าจะส่งผลกระทบแหล่งอนุรักษ์พะยูนที่สำคัญของเมืองไทย ปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า แหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะลิบงได้ถูกตะกอนดินจากโครงการขุดลอกร่องน้ำกันตังที่เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2562 ทับถมจนเกิดความเสียหายหลายพันไร่ เสี่ยงต่อการคุกคามการดำรงชีวิตของพะยูน อาจส่งผลให้มีการอพยพย้ายถิ่น เนื่องจากพะยูนขาดแหล่งอาหารที่เหมาะสม และยังส่งผลกระทบต่อการทำประมงของชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากสัตว์ทะเลหลายชนิดที่อาศัยแหล่งหญ้าทะเลเป็นพื้นที่อนุบาลได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำมาขายได้ จึงควรมีการศึกษาผลกระทบอย่างละเอียดก่อนดำเนินการ
นายจรัญ กล่าวอีกว่า จริงๆแล้วการขุดลอกร่องน้ำกันตัง มีการขุดมาตลอดตั้งแต่ปี 2509 และมีปัญหาเมื่อราวปลายปี2562 ซึ่งยังฟันธงไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุของมรสุม คลื่นลมแรง หรืออะไรกันแน่ และไม่มีการขุดมาตั้งแต่ปี2563 แต่ปัจจุบันยังพบว่าหญ้าทะเลยังมีตายเพิ่มเติม ไม่ได้เฉพาะที่เกาะลิบง จากข้อมูลที่มีการสำรวจ พบว่าหญ้าทะเลบริเวณหาดเจ้าไหม อ่าวหยงหลำ อำเภอสิเกา รวมถึงจังหวัดสตูล จังหวัดกระบี่ ก็ตายจำนวนมากเช่นกัน หรือแม้แต่ปะการังในจังหวัดภูเก็ตก็ตายเช่นเดียวกัน จึงต้องศึกษาให้ชัดว่าหญ้าทะเลตายเพราะอะไร เพราะภาวะโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล ซึ่งต้องหาคำตอบและตกผลึกให้ได้ ดังนั้น คณะกรรมการร่วมนอกจากจะมีคณะอนุกรรมการพะยูนแล้ว ยังต้องมีนักวิชาการสิ่งแวดล้อมภาคส่วนอื่นมาร่วมด้วย เช่น นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนักวิชาการจากมูลนิธิอันดามันด้วย
ด้านนายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ผู้ประสานงานมูลนิธิอันดามัน จังหวัดตรัง กล่าวว่า คาดว่าทางฝ่ายวิชาการของมูลนิธิอันดามัน รวมถึงกลุ่มประมงพื้นบ้าน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม จะเข้าเป็นคณะกรรมการร่วมด้วย เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการขุดลอก เพราะมองว่าการเดินเรือขนส่งสินค้าในแม่น้ำตรังก็เป็นเรื่องจำเป็น เมื่อแม่น้ำตื้นเขินก็ต้องมีการขุดลอก ตามหลักที่ตกลงกันไว้ว่าจะขุดลอกเฉพาะที่จำเป็น และกรมเจ้าท่าก็ไม่ควรขยายร่องน้ำให้ลึก หรือกว้างเกินที่ได้รับประกันความลึกร่องน้ำไว้ที่ 55 เมตร หากจะขุดลึกกว่านี้ ปากร่องน้ำที่จะขยายให้กว้างต้องทุบหินสายสมอออกบางส่วน ฉะนั้นจะก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะปริมาณหิน ทราย จากการขุดลอกมีจำนวนมหาศาล และชาวประมงพื้นบ้านใช้หินสายสมอเป็นที่หลบพายุ ดังนั้นการทุบหินสายสมอจะกระทบต่อระบบนิเวศ
"ปริมาณการจราจรการขนส่งทางน้ำ มีความถี่ มีการสัญจรตลอด 24 ชั่วโมงหรือเปล่า ซึ่งข้อมูลที่ทราบในปัจจุบันไม่ได้มีความหนาแน่น วันหนึ่งมีแค่ขบวนเดียว บางวันก็ไม่มีเลย ฉะนั้นสามารถบริหารจัดการการเดินเรือได้อยู่ หากการขนส่งทางน้ำต้องรอน้ำขึ้นบ้าง 2-3 ชั่วโมง ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียที่รุนแรง การขุดลอกและการเดินเรือ ไม่มีใครขัดข้อง แต่จำเป็นต้องศึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ ทำตามความจำเป็น ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากร เพราะปากแม่น้ำตรังและเกาะลิบง ที่ได้รับผลกระทบจากตะกอนทราย เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง เป็นแหล่งอาศัยของพะยูนที่มีความหนาแน่นนับร้อยๆตัว และที่สำคัญไม่สามารถหาพื้นที่ไหนทดแทนแหล่งหญ้าทะเลบริเวณนั้นได้อีกแล้ว"นายภาคภูมิ กล่าว
ที่มา: ไทยโพสต์