Admin
12 ก.ค. 2564
ตายเกลื่อนริมหาดแคนาดา บรรดา "หอย" สุกทั้งเป็น คลื่นความร้อนสุดขั้วแผดเผา
ตายเกลื่อนริมหาดแคนาดา ซีเอ็นเอ็น รายงานฤทธิ์เดชของคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมในรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เป็นสาเหตุให้หอยแมลงภู่ หอยกาบ และสัตว์ทะเลๆ อื่น ที่อาศัยอยู่บนชายหาดแคนาดาตะวันตกต้องตายกันเป็นเบือ
Chris Harley/University of British Columbia
คริสโตเฟอร์ ฮาร์ลีย์ ศาสตราจารย์ภาควิชาสัตววิทยา มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย พบหอยแมลงภู่ตายจำนวนนับไม่ถ้วนเปิดกาบออกทันทีและเน่าเปื่อยอยู่ในเปลือกหอย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค. ที่หาดคิตซิลาโน ห่างจากบ้านพักของตนในนครแวนคูเวอร์เพียงไม่กี่ช่วงตึก
ศ.ฮาร์ลีย์ศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อระบบนิเวศน์ของชายฝั่งหินที่มีหอยกาบ หอยแมลงภู่ และดาวทะเล อาศัยอยู่ จึงต้องการดูว่า บรรดาสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังระหว่างน้ำขึ้นน้ำลง (intertidal invertebrates) เหล่านี้ มีอาการอย่างไร เมื่อคลื่นความร้อนทุบสถิติแผ่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวเมื่อวันที่ 26-28 มิ.ย. "ผมได้กลิ่นหาดนั้นก่อนจะไปถึง เพราะมีสัตว์ตายแล้วจำนวนมากจากวันก่อนหน้า ซึ่งไม่ได้ร้อนสุดในช่วง 3 วันข้างต้น ผมเริ่มมองไปรอบๆ บนชายหาดท้องถิ่นของผมและคิดว่า โอ้ นี่ นี่มันไม่ดีแน่ๆ" วันถัดมา ศ.ฮาร์ลีย์และหนึ่งในนักศึกษาสังกัดตน ไปสวนประภาคาร (Lighthouse Park) ในแวนคูเวอร์ตะวันตก ซึ่งศ.ฮาร์ลีย์เยือนมานานมากกว่า 12 ปีแล้ว
"ที่นั่นเป็นภัยพิบัติ ผืนหอยแมลงภู่เกลื่อนชายฝั่งและส่วนใหญ่ตายไปแล้ว" ศ.ฮาร์ลีย์กล่าว ศ.ฮาร์ลีย์กล่าวว่า หอยแมลงภู่เกาะติดหินและพื้นผิวอื่นๆ และคุ้นเคยกับการสัมผัสอากาศและแสงอาทิตย์ในช่วงน้ำลง แต่ปกติแล้วไม่สามารถอยู่รอดได้ในอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ (37.8 องศาเซลเซียส) เป็นเวลานานมากๆ
อุณหภูมิในย่านชุมชนแวนคูเวอร์อยู่ที่ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ (37 องศาเซลเซียส) เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ต่อมา เพิ่มเป็น 99.5 องศาฟาเรนไฮต์ (37.5 องศาเซลเซียส) วันที่ 27 มิ.ย. และทะยาน 101.5 องศาฟาเรนไฮต์ (38.6 องศาเซลเซียส) วันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งร้อนกว่าบนชายหาดดังกล่าวด้วยซ้ำ ศ.ฮาร์ลีย์และนักศึกษาใช้กล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR ที่พบอุณหภูมิพื้นผิวสูง 125 องศาฟาเรนไฮต์ (51.7 องศาเซลเซียส) และในช่วงเวลานี้ของปี น้ำลงจะมาถึงช่วงร้อนสุดของวันในพื้นที่ดังกล่าว สัตว์เหล่านี้จึงไม่สามารถอยู่ได้ได้จนกว่าน้ำจะขึ้นอีกครั้ง ศ.ฮาร์ลีย์กล่าวว่า ความร้อนอาจฆ่าหอยแมลงภู่และสัตว์ทะเลอื่นๆ มากถึงพันล้านตัวในทะเลซาลิช รวมถึงช่องแคบจอร์เจีย เวิ้งพิวเจ็ตซาวด์ และช่องแคบฆวน เด ฟูกา แต่นั่นเป็นการประมาณการเบื้องต้น
Chris Harley/University of British Columbia
ศ.ฮาร์ลีย์กล่าวว่า หอยแมลงภู่ 50 ถึง 100 ตัว สามารถอาศัยอยู่ในจุดที่มีขนาดเท่าฝ่ามือของคุณได้ และหลายพันตัวสามารถอยู่ในพื้นที่ขนาดเตาตั้งพื้นในครัวได้พอดี และแสดงความกังวลว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ดูจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น ด้านไบรอัน เฮลมุธ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาทางทะเล มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น กล่าวว่า ผืนหอยแมลงภู่ เช่นเดียวกันแนวปะการัง ทำหน้าที่เป็นระบบเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อความสมบูรณ์ของมหาสมุทร
"เมื่อเราเห็นผืนหอยแมลงภู่หายไป ซึ่งเป็นสัตว์หลัก จึงเปรียบเสมือนต้นไม้ในผืนป่าที่เป็นแหล่งอาศัยของพืชชนิดอื่นๆ จึงเห็นได้ชัดเจนมากเมื่อผืนหอยแมลงภู่หายไป เมื่อเราเริ่มเห็นสัตว์ขนาดเล็กชนิดอื่นๆ ตายเป็นเบือ เนื่องจากเคลื่อนที่ไปมาและอยู่กันไม่หนาแน่นนัก" ศ.เฮลมุธกล่าวและว่า การตายของหอยแมลงภู่ส่งผลการลดหลั่นต่อสัตว์ชนิดอื่นๆ ได้
ศาสตราจารย์ทั้งสองกังวลด้วยว่า คลื่นความร้อนกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น และไม่แน่ใจว่าผืนหอยแมลงภู่จะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ "หากเริ่มมีคลื่นความร้อนแบบนี้ทุก 10 ปี แทนที่จะเป็นทุก 1,000 ปีหรือทุก 5,000 ปี นั่นหมายความว่า คุณกำลังถูกโจมตีอย่างหนักเกินไป เร็วเกินไปที่จะฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง และระบบนิเวศจะดูแตกต่างจากเดิมอย่างมาก" ศ.ฮาร์ลีย์ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ เมืองลิตตัน รัฐบริติชโคลัมเบีย ทุบสถิติอากาศร้อนจัดสุดของแคนาดาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ด้วยอุณหภูมิถึง 121 องศาฟาเรนไฮต์ (49.4 องศาเซลเซียส) จนไฟป่าโหมวอดทั้งเมือง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนระหว่างวันที่ 25 มิ.ย. - 1 มิ.ย. อยู่ที่ 719 ราย สูงกว่าปกติในช่วงเวลาดังกล่าวถึง 3 เท่า ตามคำแถลงของ ลีซา ลา ปวงต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของรัฐบริติชโคลัมเบีย นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และอีกหลายคนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอากาศร้อนจัด
ที่มา: ข่าวสด