Admin 16 ก.พ. 2560

"ขยะทะเล" ระเบิดเวลาลูกใหม่

ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พยายามที่จะลดปริมาณขยะทะเลลงให้ได้ภายใน 1 ปี ตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้อันดับโลกขยับสูงขึ้น ไปติดตามได้จากรายงาน

640_e7je557hc99bf587cbaga

จากปัญหาแพขยะความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ที่ลอยอยู่กลางทะเลที่ จ.ชุมพร และจ.ประจวบคีรีขันธ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความล้มเหลวของการจัดการขยะในบ้านเรา แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงปริมาณขยะที่มีมากเกินกว่าจะจัดการได้ โดยเฉพาะขยะพลาสติก

เมื่อประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลเป็นลำดับที่ 6 ของโลก โดยมีขยะตกค้างในพื้นที่จังหวัดชายทะเลมากกว่า 5 ล้านตันต่อปี แต่ละปีจะมีขยะพลาสติกถูกทิ้งลงทะเลประมาณ 5 หมื่นตันหรือ 750 ล้านชิ้น ซึ่งทำให้สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์อย่าง โลมา วาฬ และเต่าทะเล ที่มีอัตราการตายถึงร้อยละ10 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ได้กำชับให้ ทช.ศึกษาติดตามถึงแหล่งที่มาของขยะทะเลเพื่อกำหนดมาตรการลดขยะทะเลอย่างจริงจังเป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ.2559-2564 ของรัฐบาล เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอยู่ในประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ 6 ของโลก ที่มีขยะตกค้างไม่ได้รับการจัดเก็บอย่างถูกต้องบริเวณพื้นที่จังหวัดชายทะเลมากกว่า 500,000 ตันต่อปี หรือพบว่า จะถูกชะและพัดพาลงสู่ทะเลประมาณร้อยละ 10 ของขยะที่ลงทะเล หรือราว 50,000 ตัน เป็นขยะพลาสติก หรือประมาณ 750 ล้านชิ้น ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเล ดังนั้นจึงตั้งเป้าที่ประเทศไทยจะลดอันดับลงให้ได้ภายใน 1 ปี

เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 2-3 วัน เก็บกู้แพขยะที่ลอยอยู่กลางทะเลบริเวณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เก็บขยะได้มากกว่า 5 พันกิโลกรัม หรือคิดเป็นขยะพลาสติกมากกว่า 80,000 ชิ้น แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อยจากขยะที่ตกค้างอยู่ในทะเลอีกจำนวนมาก หลังได้รับแจ้งจากทางจิสด้า ว่าพบแพขยะที่กระจายตัวอีกหลายจุดในพื้นที่ จ.สงขลา สุราษฎรธานี และนครศรีธรรมราช

อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบอกว่า การแก้ปัญหาขยะทะเลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ในระยาวคงต้องมีมาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะการลดปริมาณขยะจากต้นทาง จึงเตรียมนำร่องพื้นที่ปลอดขยะพลาสติกบนเกาะไข่นอก เกาะไข่นุ้ย และเกาะไข่ใน จ.พังงาโดยจะมีการออกข้อห้ามเพิ่มเติมเรื่องการงดนำถุงพลาสติก และขยะอื่นๆขึ้นบนเกาะอย่างเด็ดขาด เพราะปัจจุบันมีตัวเลขขยะจากนักท่องเที่ยวจำนวน 3,000-4,000 คนต่อวัน เท่ากับมีปริมาณขยะสูงถึงเกือบวันละ 3,000 กิโลกรัม คาดว่าจะเริ่มได้ไม่เกิน 6 เดือนนี้

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เตรียมใช้มาตรการด้านภาษีเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกลง โดยจะนำร่องใน 3 จังหวัดท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงเกิดขยะพลาสติกมากที่สุด คือ สุราษฎรธานี กระบี่ และภูเก็ต ก่อนที่จะขยายสู่จังหวัดอื่นต่อไป นายสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม บอกว่า เบื้องต้นจะทำแบบสอบถามความคิดเห็นประชาชนใน 3 จังหวัดดังกล่าวถึงความพร้อมและความสมัครใจก่อนที่จะประกาศใช้เป็นกฎหมาย

จากนี้ประเทศไทยจะหลุดจากอันดับ 6 ของโลกที่ทิ้่งขยะลงทะเลมากที่สุดได้หรือไม่ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลดการใช้พลาสติกลง

ที่มา : http://www.nationtv.tv/main/content/social/378535057/