Admin 28 พ.ค. 2564

ผ่านฉลุย!! ทดสอบขนรถบรรทุกบนเรือ'สัตหีบ-สงขลา'

“กรมเจ้าท่า” นำรถเทรเลอร์-รถบรรทุกขึ้นทดสอบความพร้อมระบบการขนถ่ายรถบนเรือ The Blue Dolphin เส้นทางเดินเรือ “สัตหีบ-สงขลา” ผ่านฉลุย เสริมความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ เล็งขยายเส้นทางเพิ่มไป จ.ประจวบคีรีขันธ์ หนุนศักยภาพขนส่งทางน้ำ อีอีซีเชื่อมใต้ 

1

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในการแก้ไขปัญหาการจราจรทางบกติดขัด ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้า กรมฯ ร่วมมือกับบริษัท ซีฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด ผลักดันให้เกิดโครงการเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวระหว่าง จ.ชลบุรี กับ จ.สงขลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการในด้านความปลอดภัย และเตรียมความพร้อมสำหรับให้บริการจริงแก่ประชาชน

โดยจะนำเรือ The Blue Dolphin หมายเลขทะเบียนเรือ 640000020 ขนาดความยาว 136.6 เมตร กว้าง 21 เมตร ขนาด 7003 ตันกรอส สามารถบรรทุกรถ 10 ล้อ ได้ครั้งละ 80 คัน รถยนต์ส่วนบุคคลได้ 15-20 คัน คนประจำเรือ 30 คน บรรทุกคนโดยสารได้ 586 คน โดยสามารถทำความเร็วได้ประมาณ 18-20 น็อตมาให้บริการ โดยวันนี้ (27 พ.ค.64) กำหนดการทดสอบการเดินเรือออกจากท่าเทียบเรือบริษัท เซ้าท์เธิร์นโลจิสติกส์ จำกัด ปากร่องน้ำสงขลา เวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 26 พ.ค.64 เดินทางถึงท่าเรือจุกเสม็ด อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลาประมาณ 11.20 น. ใช้เวลาประมาณ 22 ชม. 20 นาที เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในการนี้ได้ทดลองนำรถเทรเลอร์ จำนวน 1 คัน และรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน เพื่อทดสอบความพร้อมของระบบการขนถ่ายรถฯ ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยอย่างสูงสุด

2

ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนจัดการฉุกเฉินระหว่างการเดินทางจาก ท่าเรือสงขลามายังสัตหีบ โดยวางแผนการดำเนินการให้สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานีนำร่อง ปตท. กลางทะเล ศรชล. Port control Sriracha VTS สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา ได้ตลอดเส้นทางการเดินทาง และเมื่อแผนฯ แล้วเสร็จจะดำเนินการฝึกซ้อมการอพยพคนระหว่างการเดินทางอีกครั้ง

นอกจากนี้เรือ The Blue Dolphin ยังมีแผนจะขยายเส้นทางเชื่อมโยงเข้ากับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในระยะต่อไปด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ช่วยเพิ่มศักยภาพของการขนส่ง ทางน้ำ ลดต้นทุนและอุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก และลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง (PM 2.5) ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม อันจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวทางทะเลได้อย่างยั่งยืน

ที่มา: เดลินิวส์