Admin 13 ก.พ. 2560

น้ำทะเลหาดป่าตองเปลี่ยนเป็นสีน้ำตามเข้ม นักวิชาการเผยเป็นปรากฏการ แพลงก์ตอนบูม

phuket01-5

บรรยากาศบริเวณชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.พ. 60 หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า น้ำทะเลบริเวณริมชายหาดตั้งแต่บริเวณคลองปากบางสะพานคอรัลบีชจนถึงกึ่งกลางชายหาดบริเวณป้อมจุดตรวจตำรวจ สภ.ป่าตอง ปากซอยบางลา ถ.ทวีวงศ์ รวมระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งเคยเป็นสีฟ้าครามเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม วัดความกว้างจากหน้าชายหาดออกไปในทะเลประมาณ 200-300 เมตร ถัดจากนั้นไปก็ยังคงมีสีฟ้าคราม ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่กล้าลงไปเล่นน้ำ ขณะที่มีบางส่วนยังคงเล่นน้ำตามปกติ

ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า น้ำทะเลเป็นสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีกลิ่น โดยเป็นสีน้ำตาลเข้มตลอดแนวชายหาดป่าตองจากคลองปากบางไปจนถึงหลังจุดตรวจป้อมตำรวจซอยปากลา จากการสอบถามผู้ประกอบการชายหาดป่าตอง ทราบว่า น้ำทะเลเริ่มมีการเปลี่ยนสีในลักษณะดังกล่าวมาประมาณ 2-3 วันแล้วแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังลงเล่นน้ำตามปกติและหลังนักท่องเที่ยวขึ้นมาจากเล่นน้ำไม่พบว่ามีอาการแพ้หรือมีอาการคันแต่อย่างใดทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเล่นน้ำตามปกติไม่ได้มีการหวาดกลัว มีเพียงนักท่องเที่ยวบางส่วนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่กลัวไม่กล้าลงเล่นน้ำ และลักษณะน้ำเปลี่ยนสีในทะเลที่หาดป่าตองนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นช่วงหน้าแล้งโดยช่วงประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน ของปีที่ผ่านมาก็เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นเช่นกัน

นายณัฐกฤษณ์ พลเพชร นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสภาพน้ำทะเลที่มีการเปลี่ยนสีดังกล่าว ว่า เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบในครั้งนั้นพบว่า การเปลี่ยนสีของน้ำทะเลเกิดขึ้นจากแพลงก์ตอนบูม เนื่องจากสารอินทรีย์ที่มีการปล่อยมาจากระบบบำบัดน้ำเสีย หรือน้ำเสียที่เกิดจากชุมชนและปล่อยออกมาโดยไม่ผ่านการบำบัดบางส่วน ลงมาในคลองปากบาง ประกอบหาดป่าตองเป็นชายหาดปิดน้ำไม่สามารถไหลออกไปภายนอกได้ จึงทำให้สารอินทรีย์ที่ปล่อยออกมาไหลวนอยู่ในอ่าว และด้วยอุณหภูมิ รวมทั้งแสงแดดที่เหมาะสมจึงเกิดแพลงก์ตอนบูมขึ้น เป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นเช่นนี้อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์จากนั้นก็จะคลี่คลาย แต่หากยังคงมีการปล่อยสารอินทรีย์ และปัจจัยที่เหมาะสมก็จะเกิดปรากฎการณ์แพลงก์ตอนได้อีก ทั้งนี้การแก้ปัญหาต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ โดยมีมาตรการว่าจะทำอย่างไรอย่าให้น้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดไหลลงคลองปากบางและไหลออกสู่ทะเล หรือน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะต้องดึงธาตุไนไตรเจนออกให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเป็นอาหารของแพลงก์ตอนและเกิดการบูมขึ้น ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 15 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเทศบาลเมืองป่าตองกำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขปัญหา และทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ก็ได้มาเก็บตัวอย่างน้ำไปทำการตรวจสอบแล้ว

ทางด้านนางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงน้ำทะเลเปลี่ยนสีของหาดป่าตอง ว่า ได้มีการตรวจสอบร่วมกับทางนักวิชาการแล้วว่า เป็นปรากฏการณ์ของแพลงก์ตอนบูม ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงมาแล้ว 2-3 ครั้ง และได้มีการหารือกันถึงแนวทางแก้ปัญหามาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้พยายามนำไตรเจนกับฟอสฟอรัสออกจากน้ำที่มาจากคลองปากบาง สำหรับไนโตรเจนนั้นทราบว่ามาจากสิ่งปฎิกูล โดยขณะนี้ได้มีการประสานและนำไปบำบัดที่โรงบำบัดของเทศบาลเมืองกะทู้ จนกว่าเทศบาลเมืองป่าตองจะมีโรงบำบัดสิ่งปฎิกูลของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาสิ่งแวดล้อมเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการของบประมาณ คาดว่าจะทำให้สามารถนำไนโตรเจนออกจากน้ำได้ ทำให้อาหารของแพลงก์ตอนตัวหนึ่งหายไป ส่วนฟอสฟอรัสนั้นจะเกิดจากน้ำซักล้างหรือซักผ้า โดยพบว่าสาเหตุที่ฟอสฟอรัสเพิ่มมากขึ้นมาจากตู้ซักผ้าหยอดเหรียญที่มีการนำมาให้บริการจำนวนมาก เพราะในตัวกฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีการทำระบบบำบัด เพราะไม่เข้าข่ายอุตสาหกรรม เนื่องจากจะมีการติดตั้งจุดละ 2-3 เครื่อง และมีการปล่อยน้ำลงไปในท่อระบายน้ำสาธารณะซึ่งเป็นท่อน้ำฝนของเทศบาลฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจจำนวนเครื่องซักผ้าดังกล่าว และจะได้เชิญเจ้าของเครื่องทั้งหมดมาหารือ และหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะการปล่อยน้ำจากการซักล้างที่จะต้องปล่อยลงท่อบำบัด

ที่มา : https://news.phuketindex.com/environment/phuket-2684-234003.html