Admin 21 ธ.ค. 2563

ตัดปมล่า "ตัดเขี้ยว" พะยูนแม่ลูก-มีแผลลึกคาดสมอเรือกระแทก

อธิบดีทช.เผยผลชันสูตรซากพะยูนตัวเมีย มีลูกตายคาท้องที่ทะเลตรัง เจอร่องรอยบาดแผลลึกกลางหลังถึงอวัยวะภายในลึก 15 เซนติเมตร คาดเป็นสมอเรือกระแทกรุนแรงเสียเลือดมาก ส่วนเขี้ยวข้างซ้ายหายไป คาดชาวประมงตัดเก็บเป็นเครื่องรางของขลัง ยังไม่ใช่ขบวนการล่า

6

ภาพ: เฟซบุ๊ก ทิพย์อุสา จันทกุล

กรณีพบพะยูนตัวเมียลอยอยู่ในทะเลระหว่างเกาะแหวนกับเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง และพบร่องรอยถูกตัดเขี้ยวข้างซ้ายออกไป 1 ข้าง วันนี้ (18 ธ.ค.2563) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ค่อนข้างสะเทือนใจเนื่องจากสัตวแพทย์ที่ผ่าชันสูตรเจอลูกพะยูนตัวเมียน้ำหนัก 9.2 กิโลกรัม ความยาว 82 เซนติเมตร อยู่ภายในช่องท้อง และมีลักษณะของการกลับหัว ประกอบกับตัวแม่พบช่องคลอดขยายตัว เริ่มมีน้ำนมไหลออกมาบ่งชี้ว่าในอีกไม่กี่วันลูกพะยูนจะคลอดออกมาถ้าไม่ตายเสียก่อน จึงถือเป็นความสูญเสียพะยูนถึง 2 ตัว

อธิบดีทช.กล่าวอีกว่า ทีมสัตวแพทย์รายงานว่าจากการผ่าชันสูตร ทำให้พบบาดแผลรอยบาดจากของมีคมบริเวณด้านหลังส่วนท้าย ความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และพบลักษณะแผลจากการถูกของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกอย่างแรงบริเวณส่วนท้ายของลำตัวด้านขวา ทำให้พบรอยช้ำบริเวณรอบบาดแผล ผิวหนังลอกหลุดบริเวณกว้าง และพบกล้ามเนื้อมีรอยช้ำ เกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง

7

ภาพ: เฟซบุ๊ก ทิพย์อุสา จันทกุล

บาดแผลลึกคาดเจอสมอเรือทิ้งโดนตัว

นายโสภณ กล่าวว่า บาดแผลที่พบทะลุเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อจนถึงอวัยวะภายใน ความยาวขอบบาดแผลประมาณ 7 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ความลึกจากชั้นผิวหนังถึงอวัยวะภายในประมาณ 15 ซม.บ่งชี้ถึงการได้รับบาดเจ็บจากของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกอย่างรุนแรง คาดว่าน่าจะเป็นสมอเรือ แต่ไม่ชัดว่าเป็นเรือประเภทไหน แต่เป็นลักษณะของปีกสมอเรือ

เบื้องต้นสรุปสาเหตุการตาย คาดว่าเกิดจากการถูกของมีคมแทงทะลุ จนถึงอวัยวะภายในร่างกาย ส่งผลให้พะยูนเสียเลือดมาก และส่งผลกระทบต่อลูกสัตว์ภายในท้อง ร่วมกับพะยูนอยู่ในภาวะใกล้คลอด ทำให้ลูก และแม่พะยูนตายอย่างฉับพลัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเและชายฝั่ง ได้ทำการเก็บตัวอย่างอวัยวะภายใน เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและฝังซากในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

8

ภาพ: เฟซบุ๊ก ทิพย์อุสา จันทกุล

ตัดปมล่าเอาเขี้ยว

"เขี้ยวของพะยูนข้างซ้ายบางส่วน มีรอยตัดจากของมีคมตัด คาดว่าถูกเลาะออกไปภายหลังตาย ไม่พบรอยช้ำของบาดแผล จึงอาจจะตัดประเด็นการล่าพะยูนเพื่อตัดเขี้ยวออกไป"

เมื่อถามว่าทำไมถึงตัดประเด็นล่าเอาเขี้ยวพะยูน นายโสภณ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะตัดเอาเขี้ยวพะยูนแบบจงใจ เพราะด้วยรูปร่างน้ำหนักที่มีขนาดใหญ่ถึง 200-300 กิโลกรัม และการล่า เพื่อฆ่าต้องตีบริเวณหัวพะยูน เพราะเป็นจุดตาย เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของระบบประสาททั้งหมด แต่คาดว่าอาจจะเป็นลักษณะที่เจอพะยูนตายแล้ว คนที่เจอน่าจะตัดเอาเขี้ยวไปเพียงข้างเดียว เพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง เพราะตัดไปข้างเดียว

"มั่นใจว่าไม่ใช่การล่า เพราะเอาเขี้ยวข้างเดียว เป็นความเชื่อเครื่องรางของขลังของชาวประมง แต่ไม่ปฏิเสธว่ายังมีการค้าขายเขี้ยวพะยูน และอวัยวะอื่นๆในโซเชียล แต่บางครั้งผู้ค้าก็หลอกเอาเขี้ยวอื่นมาขาย เช่นที่เคยเจอเป็นเขี้ยวหมู และเรซินบ้าง จึงขอเตือนว่าอย่ามีความเชื่อที่ผิดๆ เพราะพะยูนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในบัญชีสัตว์ป่าสงวน"

อธิบดีทช.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางทช.ยังได้จัดทำพื้นที่อนุรักษ์พะยูน และแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ อ.ย่านตาขาว อ.กันตัง และอ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งผ่านขั้นตอนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยการประกาศพื้นที่คุ้มครองพะยูน ออกภายใต้พ.ร.บ.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่วนกรณีแม่พะยูนตายตัวล่าสุด ทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อหาคนที่ทำผิดแล้ว

สำหรับพะยูน เป็นสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครองพ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

ที่มา: ThaiPBS NEWS