Admin
18 ส.ค. 2563
อุณหภูมิที่หุบเขามรณะในสหรัฐฯ แตะ 54.4 องศา ครองสถิติอากาศร้อนที่สุดในโลก
อุณหภูมิที่อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ (Death Valley National Park) ในสหรัฐฯ พุ่งสูงแตะ 54.4 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจเป็นอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดในโลกที่เคยมีการวัดที่ถือว่าเชื่อถือได้
สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ก็มาจากที่หุบเขามรณะเช่นกัน
สถิติดังกล่าว ซึ่งได้รับการยืนยันจากหน่วยงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (US National Weather Service) เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญคลื่นความร้อนทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ สภาพอากาศร้อนระอุทำให้เกิดเหตุขัดข้องที่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งหนึ่ง จนทางการต้องตัดไฟในพื้นที่บางส่วนของรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเวลา 2 วัน
สถิติก่อนหน้านี้
สถิติที่วัดเมื่อวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) จัดเก็บจากหมู่บ้านเฟอร์เนซ ครีก (Furnace Creek) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานของอุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ก็มาจากที่หุบเขามรณะเช่นกันเมื่อปี 2013 อยู่ที่ 54 องศาเซลเซียส เมื่อศตวรรษที่แล้ว มีการบันทึกอุณหภูมิที่หุบเขามรณะไว้ที่ 56.6 องศาเซลเซียส แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้
ในปี 1931 เคยมีการบันทึกอุณหภูมิสูง 55 องศาเซลเซียสที่ประเทศตูนิเซีย แต่ คริสโตเฟอร์ เบิร์ต นักประวัติศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ บอกว่า ข้อมูลดังกล่าว รวมถึงการบันทึกครั้งอื่น ๆ ในแอฟริกาในช่วงล่าอาณานิคมนั้นเชื่อถือไม่ได้
คลื่นความร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ ทอร์นาโดไฟ (firenado)
คลื่นความร้อน
คลื่นความร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้แผ่ปกคลุมตั้งแต่รัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ไล่ขึ้นไปจนถึงรัฐวอชิงตันทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าคลื่นความร้อนนี้จะร้อนที่สุดวันนี้และพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) ก่อนที่อุณหภูมิจะลดลง แต่อากาศร้อนอบอ้าวก็จะคงอยู่ไปราว 10 วัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าอิสระแคลิฟอร์เนีย (California Independent System Operator-ISO) ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่า ความต้องการไฟฟ้าเลยปริมาณที่สามารถผลิตได้แล้ว
ผลกระทบคลื่นความร้อน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ บอกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คลื่นความร้อนคร่าชีวิตคนในประเทศมากกว่าสภาพอากาศเลวร้ายแบบอื่น ๆ นอกจากไฟดับแล้ว ผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่ ต้องสั่งห้ามทำการบิน ถนนละลาย และระบบเครื่องยนต์ของรถร้อนจนอันตราย นอกจากนี้ คลื่นความร้อนยังจะส่งผลร้ายแรงต่อการเกษตรกรรมด้วยคือทำให้พืชผลเหี่ยวเฉาหรือตาย และยิ่งทำให้เกิดการระบาดของโรคพืช
ที่มา: BBC