Admin 23 ก.ย. 2562

คิดได้ไง! ชาวประมงค้านสุดตัว “สุริยะ” จ่อถมทะเลแหลมฉบัง 3 พันไร่ สนองทุนเทศ-เหมือนขายชาติ

ชาวประมงแหลมฉบัง บางละมุง ตั้งป้อมค้านสุดตัว “สุริยะ” สั่งศึกษา จ่อถมทะเลแหลมฉบัง 3 พันไร่ สนองทุนต่างชาติทำท่าเรือ โรงงานปิโตรเคมี 3 แสนล้าน ชี้เหมือนขายชาติ ทำจริงระบบนิเวศ วิถีประมงชายฝั่งล่มสลายแน่

562000009421001

หลังจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาระบุว่า กลุ่มบริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ได้ยื่นข้อเสนอที่จะลงทุนก่อสร้างท่าเรือ โรงงานปิโตรเคมี มูลค่า 3.3 แสนล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขว่าภาครัฐจะต้องจัดหาพื้นที่ให้ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ แหลมฉบัง จ.ชลบุรี

แต่เมื่อมอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดหาพื้นที่ตามสเปกแล้วไม่มีพื้นที่ตรงตามเงื่อนไข รมว.อุตสาหกรรม จึงมีแผนที่จะถมทะเลในพื้นที่แหลมฉบัง จำนวน 1-3 พันไร่ เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างท่าเรือและโรงงานดังกล่าว โดยให้เริ่มต้นศึกษาและดำเนินการให้เสร็จภายในปี 62

นายรังสรรค์ สมบูรณ์ ตัวแทนกลุ่มชาวประมงบ้านบางละมุง-แหลมฉบัง เปิดเผยว่า การที่จะถมทะเล 1-3 พันไร่ ในบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน และไม่สามารถทำได้ ซึ่งต้องถามว่าพวกคุณคิดกันได้อย่างไร หากถมทะเลในพื้นที่ 1 กม. จะได้ที่ดินประมาณ 600 ไร่ นั่นหมายถึงต้องถมทะเลออกไปประมาณ 4 กม. จึงจะได้พื้นที่ตามเป้าหมาย 3,000 ไร่
“ลองนึกถึงภาพดูว่าจะต้องถมทะเลออกไปเท่าไหร่ถึงจะได้ที่ 3 พันไร่ นอกจากนั้น น้ำในพิกัดเป้าหมายยังลึก 22-24 เมตร จะหาหินที่ไหนไปถม ที่สำคัญพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีทรายเลย มีแต่ดินเหนียวและตะกอนเลน ซึ่งในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้”

นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะชาวประมงบริเวณดังกล่าว คงยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการถมทะเลถึง 3,000 ไร่ ระบบนิเวศ สถานที่ทำกิน สัตว์น้ำวัยอ่อน และแนวปะการังชายฝั่งจะสูญหาย อาชีพประมงพื้นที่แห่งนี้คงล่มสลายไปพร้อมกับโครงการนี้ นอกจากนี้ จะมีผลกระทบตามมาอีกมากมายมหาศาล ทั้งในช่วงก่อสร้าง และหลังก่อสร้าง เช่น ตะกอนเลน ถ้าจากชายฝั่งไปทางทิศเหนือ ในช่วงมรสุมจะยิ่งมีปัญหามากกว่าโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่จะดำเนินการในเร็วๆ นี้ด้วย ซึ่งคงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน

ตัวแทนกลุ่มชาวประมงบ้านบางละมุง-แหลมฉบัง กล่าวต่ออีกว่า โครงการนี้ เหมือนโครงการขายชาติ เพราะเมื่อมองในมุมกลับ ประเทศชาติได้อะไร การถมทะเลจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งผลกระทบต่อวิถีชีวิตการประมงพื้นบ้าน การท่องเที่ยวของชุมชนในบริเวณทะเลแหลมฉบัง อ่าวอุดม

“คุ้มหรือไม่กับโครงการที่เกิดขึ้น อย่ามากล่าวอ้างว่า จะมีการจัดจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น เพราะในความเป็นจริงบริษัทรับเหมามีแรงงานในสังกัดเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แรงงานในพื้นที่คงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา มีหลายโครงการที่จะเกิดขึ้น และมีการทำประชาพิจารณ์ รวมทั้งที่ทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ล้วนแจ้งว่าจะต้องจ้างแรงงานในพื้นที่ มีกฎหมายบังคับและบทลงโทษอย่างไร หากโรงงานหรือบริษัทดังกล่าวไม่ปฏิบัติตาม แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเลย คนงานมาจากต่างถิ่นทั้งนั้น”

นายอมรศักดิ์ ปัญญาเจริญศรี นายกสมาคมประมงศรีราชา กล่าวว่า ทะเลบริเวณนี้เป็นแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำวัยอ่อน และวัยเจริญพันธุ์ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ที่สมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดชลบุรี และปัจจุบันนี้มีแหล่งอุตสาหกรรม ท่าเรือเต็มไปหมดอยู่แล้ว การนิคมฯ ยังจะมาถมทะเลอีกหรือ ถามว่าได้มีการสำรวจ และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแล้วหรือยัง เพราะหากถมทะเลไปแล้วจะทำให้เกิดตะกอนเลนเพิ่มขึ้น

“ถ้าถมทะเลกันขึ้นมาจริงๆ จะกระทบยาวไปจนถึงชลบุรี ไม่ใช่แต่แค่พื้นที่แหลมฉบัง ศรีราชา บางละมุงเท่านั้น ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมหาศาลแน่นอน”

ทั้งนี้ ทางพวกเราชาวประมง อยากให้การนิคมฯ หรือใครก็แล้วแต่ที่คิดจะถมทะเลบริเวณนี้ ควรที่จะลงมาพูดคุยกับชาวบ้านก่อน มาสอบถามประชาชนในพื้นที่ก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็ประกาศว่าจะทำ จะถมทะเลเลย ไม่ได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชน เพราะหากโครงการมถมทะเลเกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะกี่ไร่ก็ตาม ก็มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในทะเล และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชายฝั่ง อาชีพประมงของชาวบ้านจะล่มสลาย อนาคตของพวกเราอยู่ตรงไหน “พวกเราขอยืนยันอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ยอมให้มีการถมทะเลแหลมฉบังแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดชลบุรีแน่นอน”

ที่มา:MGR ONLINE