Admin 10 ก.ย. 2562

ชี้ชะตาพรุ่งนี้คดีประวัติศาสตร์ แย่งครอง “เกาะปอดะ” หลังต่อสู้มานาน 30 ปี

ศาลฎีกานัดชี้ชะตา ในคดีแย่งสิทธิครอบครอง “เกาะปอดะ” ระหว่างกรมอุทยานฯ และนายชวน ภูเก้าล้วน 10 ก.ย.นี้ ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี จำเลยไม่กังวล ยืนยันจะไปฟังคำพิพากษาแน่นอน

562000008940201

จากกรณีคดีประวัติศาสตร์ เกิดการต่อสู้กันมายาวนานกว่า 30 ปี ในการแย่งสิทธิครอบครองที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ เศรษฐีที่ดินและนักธุรกิจชื่อดังใน จ.กระบี่ โดยกรมอุทยานฯ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชวน เมื่อปี พ.ศ.2559 ในข้อหากระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ

โดยกล่าวหาว่า นายชวน บุกรุกที่ดินบนเกาะปอดะ ในเขตอุทยานอุทยานแห่งชาติ-หาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 22 ไร่ ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1) ต่อมา เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง กรมอุทยานฯ จึงได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษากลับให้นายชวน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯและ พ.ร.บ.อุทยานฯ และลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน โดยนายชวน ภูเก้าล้วน ได้ขอยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ศาลจังหวัดกระบี่ ได้นัดโจทก์ และจำเลยฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีอาญา ในวันที่ 10 กันยายน 62 นี้ ในคดีนี้ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษายกคำร้อง ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาความอาญา ให้นายชวน ภูเก้าล้วน มีความผิดในข้อหาบุรุกตาม พ.ร.บ.อุทยาน และ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ได้ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) พิพากษากลับเป็นว่า จำคุกจำเลย นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นระยะ 3 ปี 6 เดือน ให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกไปจากพื้นที่เกาะปอดะ ที่เกิดเหตุ ก่อนที่นายชวน จะยื่นฎีกา

สำหรับคดีเกาะปอดะ เป็นคดีปะวัติศาสตร์ที่มีการต่อสู้คดีกันมายาวนานระยะเวลากว่า 30 ปี รวม 3 คดี โดยในคดีแรก ต่อสู้กันมา 3 ศาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นฝ่ายชนะ ศาลพิพากษาเพิกถอน น.ส.3 ก. รวมพื้นที่ 51 ไร่ และขับไล่ นายชวน พร้อมบริวารออกจากเกาะ ส่วนคดีที่ 2 ที่ นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นโจทก์ฟ้องแพ่ง และคดีที่ 3 ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นตัดสินให้ นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นฝ่ายชนะ เพราะเชื่อว่าที่ดินดังกล่าวมีการทำประโยชน์มาก่อนจริง ก่อนที่ชั้นศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นฝ่ายชนะคดี เนื่องจากการพิสูจน์ภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อปี 2510 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์

ขณะที่ นายชวน กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีความกังวลอะไร ในเมื่อศาลนัดในวันพรุ่งนี้ ตนก็พร้อมที่จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนมีความเชื่อในกระบวนการยุติธรรม ศาลมีคำพิพากษาออกมาอย่างไร ก็ต้องเคารพ โดยจะไม่หนี ไม่โวยวาย หากมีเรื่องใดหรือเอกสารที่ผิดพลาดตกหล่น ถ้ามีโอกาสก็จะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง

นายชวน กล่าวอีกว่า การที่ตนต่อสู้มายาวนานกว่า 30 ปี นั้นก็เพื่อความชอบธรรม เป็นธรรม และหากศาลฎีกา ให้ตนชนะคดี ตนก็จะเตรียมตัวที่จะดูแลเกาะปอดะต่อไป และจะพัฒนาให้ดีขึ้น สอดคล้องต่อจังหงวัดกระบี่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่หากว่าศาลฎีกาพิพากษาให้เป็นลบแก่ตนก็น้อมรับ

ทั้งนี้ นายชวนระบุว่า ที่ดินบนเกาะมีผู้ครอบครองทำกินมาก่อนประกาศเขตอุทยาน โดยมีเอกสารแจ้งการทำประโยชน์สวนมะพร้าว ส.ค.1 เลขที่ 1 และ น.ส.3 ก. ที่แปลงมาจาก ส.ค.1 เลขที่ 2 ซึ่งซื้อต่อมาจากชาวบ้านตั้งแต่ปี 2528 เป็นหลักฐาน เมื่อเอกชนมีเอกสารมาอ้าง ฝ่ายอุทยานจึงต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่า เอกสารดังกล่าวออกโดยมิชอบ ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนกลับไปเมื่อปี 2510 และการตรวจพิสูจน์อายุต้นมะพร้าว จึงเป็นเงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต่างหยิบยกมาต่อสู้กัน ซึ่งผลการอ่านแปลงภาพถ่ายทางอากาศ และการตรวจพิสูจน์อายุต้นมะพร้าวจากฝ่ายกรมอุทยาน จะชี้ชัดว่าช่วงปีที่แจ้งการทำประโยชน์บนเกาะปอดะไม่มีสวนมะพร้าวมาก่อน แต่ข้อมูลทั้งหมดกลับสวนทางกับฝ่ายเอกชนที่ผลการพิสูจน์สอดคล้องต่อเอกสารครอบครองที่ดิน

สำหรับเกาะปอดะ ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลแหวก แหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ จังหวัดกระบี่ เป็น 1 ในโปรแกรมทัวร์ 4 เกาะ ของโปรแกรมท่องเที่ยว มีชายหาดสวยงาม มีพื้นที่ราบเกือบ 100 ไร่ อยู่ห่างฝั่งเพียง 8 กิโลเมตร หากมีการซื้อขายเกิดขึ้น เกาะแห่งนี้อาจมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท

ที่มา:MGR ONLINE