Admin
26 ส.ค. 2562
ทหารบราซิลกว่า4หมื่นเริ่มเข้าร่วมดับไฟ หลังรบ.ถูกด่าเละไม่แยแส"ป่าแอมะซอน"
กองทหารบราซิล 44,000 คน ที่มีอากาศยานของกองทัพสนับสนุน กำลังถูกจัดส่งไปยังป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นผืนป่าดิบร้อนชื้นขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อวันเสาร์ (24 ส.ค.) เพื่อต่อสู้ดับไฟป่าที่กำลังแผ่ลาม และทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลแดนแซมบ้า รวมทั้งเรียกเสียงประณามติเตียนจากนานาชาติ
เกษตรกรบราซิล เฝ้าดูไฟป่าที่กำลังคุกคามเข้ามาใกล้ หลังจากช่วยกันขุดคูเพื่อตัดไฟไม่ให้ลามเข้ามายังไร่ที่พวกเขาทำงานอยู่ ในเขตเทศบาลโนวาซานตาเฮลานา รัฐมาตูโกรสซู เมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค.)
ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ยังพยายามที่จะบรรเทาความกังวลห่วงใยของทั่วโลก โดยแถลงว่าบริเวณต่างๆ ที่ถูกเผาผลาญนั้นเป็นพื้นที่ซึ่งป่าถูกทำลายไปก่อนแล้ว ขณะที่ป่าดิบร้อนชื้นยังดำรงคงอยู่เป็นอันดี กระนั้นก็ตาม คาดกันว่าปัญหาไฟป่าคราวนี้ยังน่าจะถูกหยิบขึ้นหารือ ณ การประชุมซัมมิตของพวกผู้นำกลุ่ม จี7 ในฝรั่งเศส วันเสาร์อาทิตย์ (24-25)
รัฐมนตรีกลาโหม เฟอร์นานโด อาเซเวโด แถลงว่า จะสามารถระดมกำลังทหารได้ราว 44,000 คน สำหรับการปฏิบัติการ “อย่างชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” เพื่อดับไฟป่า โดยกำลังทหารเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปยัง 6 รัฐของบราซิลที่ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ได้แก่ รัฐรอไรมา, รอนโดเนีย, โตกันตินส์, ปารา, อากรี, และ มาตูโกรสซู
ภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมบราซิล แสดงให้เห็นเครื่องบินบรรทุกแบบ ซี 130 “เฮอร์คิวลิส” กำลังปล่อยน้ำลงไปเพื่อดับไฟป่า เมื่อวันเสาร์ (24 ส.ค.)
ภารกิจแรกในการสู้ไฟป่าแอมะซอนของกองทัพบราซิลคราวนี้ จะดำเนินการโดยทหารจำนวนราว 700 คน ที่บริเวณรอบๆ เมืองปอร์ตูเวลโย เมืองเอกของรัฐรอนโดเนีย อาเซเวโด บอกพร้อมกล่าวต่อไปว่า กองทัพจะใช้เครื่องบินขนส่งแบบ ซี-130 “เฮอร์คิวลิส” จำนวน 2 ลำ ซึ่งสามารถบรรทุกน้ำได้ถึง 12,000 ลิตร นำไปทิ้งจากอากาศเพื่อดับไฟป่า
นักข่าวเอพีซึ่งอยู่บนเครื่องบินเหนือเขตปอร์ตูเวลโย ในเช้าวันเสาร์ (24)รายงานสภาพอากาศว่ามีหมอกควันปกคลุมและทัศนวิสัยต่ำ ก่อนหน้านั้นเมื่อวันศุกร์ (23) นักข่าวผู้นี้รายงานว่าเห็นพื้นที่ซึ่งป่าถูกทำลายไปแล้วจำนวนมากถูกไฟเผา โดยดูเหมือนเกิดจากผู้คนที่เผาป่าเพื่อนำมาใช้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร ขณะเดียวกันก็ได้เห็นควันขโมงพวยพุ่งขนาดใหญ่จากไฟป่าจุดหนึ่ง
เขตเทศบาลเมืองโนวาซานตาเฮเลนา ในรัฐมาตูโกรสซู ก็ถูกไฟป่าเผาผลาญหนักเช่นกัน โดยสามารถมองเห็นรถบรรทุกหลายคันกำลังขับไปตามทางหลวงสายหนึ่งในวันศุกร์ (23) ขณะที่ไฟกำลังไหม้ทุ่งข้างทาง
การปฏิบัติการของทหารบราซิล มีขึ้นหลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการรับมือวิกฤตคราวนี้ของประธานาธิบดีโบลโซนารู เมื่อวันศุกร์ (23) เขาประกาศมอบอำนาจให้กองทัพดำเนินการดับไฟ โดยกล่าวว่าเขามีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะพิทักษ์ปกป้องเขตป่าแอมะซอน
ด้านอาเซเวโด ชี้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวในทวิตเตอร์ เสนอให้ความช่วยเหลือบราซิลในการต่อสู้กับไฟป่า แต่เขาบอกว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่มีการติดต่ออะไรเพิ่มเติมในเรื่องนี้
ถึงแม้วิกฤตไฟป่าแอมะซอนสร้างความกังวลไปทั่วทั้งโลก แต่ผู้นำบราซิลได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าววันเสาร์(24) ว่า สถานการณ์กำลังกลับสู่ปกติแล้ว และโบลโซนารูบอกว่า เขา “กำลังพูดกับทุกๆ คน” เกี่ยวกับปัญหานี้รวมไปถึง ประธานาธิบดีทรัมป์, นายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซ, และผู้นำลาตินอเมริกาอีกหลายคน
ในอดีต โบลโซนารูเคยกล่าวถึงมาตรการปกป้องป่าแอมะซอนว่า เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของบราซิล ทำให้เกิดการโต้เถียงกับพวกนักวิพากษ์วิจารณ์ที่บอกว่า ป่าแอมะซอนเป็นตัวดูดซับก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมหาศาล และมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความพยายามในการควบคุมจำกัดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
รถบรรทุกแล่นไปข้างๆ ไร่ที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญ บนทางเหลวง บีอาร์ 163 ในเขตเทศบาลโนวาซานตาเฮลานา รัฐมาตูโกรสซู เมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค.)
วิกฤตไฟป่าแอมะซอนกำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาระดับโลก โดยที่กลายเป็นตัวขยายความตึงเครียดที่มีอยู่ระหว่างบราซิลกับพวกประเทศยุโรป ผู้ซึ่งเชื่อว่า โบลโซนารูเพิกเฉยละเลยคำมั่นสัญญาที่จะพิทักษ์ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ในวันศุกร์ (23) มีผู้ประท้วงชุมนุมกันบริเวณด้านนอกสำนักงานการทูตของบราซิลตามเมืองต่างๆ ของยุโรปและละตินอเมริกา ขณะเดียวกันก็มีการเดินขบวนประท้วงในบราซิลเองด้วย
กรณีนี้ยังลุกลามเข้าไปสู่แวดวงเศรษฐกิจด้วย เมื่อประธานาธิบดีเอมมานุเอล มาครง ของฝรั่งเศส ข่มขู่ที่จะขัดขวางการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป กับ เมร์โกซูร์ (Mercosur) หรือกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ ซึ่งมีบราซิลเป็นหัวเรือใหญ่
“อันดับแรกเลย เราจำเป็นต้องช่วยช่วยเหลือบราซิลและประเทศอื่นๆ ในการดับไฟเหล่านี้” มาครงกล่าวในวันเสาร์ (24) เป้าหมายก็คือเพื่อ “สงวนรักษาป่าแห่งนี้ซึ่งพวกเราทั้งหมดต่างก็ต้องการ เนื่องจากมันเป็นขุมทรัพย์แห่งความหลากหลายทางชีวภาพของเรา และภูมิอากาศของเราก็ต้องขอบคุณออกซิเจนที่ป่าแห่งนี้คายออกมา ตลอดจนขอบคุณสำหรับการที่มันดูดซับคาร์บอนเข้าไป”
ในข้อความผ่านวิดีโอประจำสัปดาห์ ที่เผยแพร่วันเสาร์(24) เช่นกัน นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี กล่าวว่า ผู้นำขอกลุ่ม จึ7 “ไม่สามารถนิ่งเฉย” และควรหารือถึงหนทางในการช่วยดับไฟป่า
ไม่เฉพาะบราซิลเท่านั้น โบลิเวียก็พยายามอย่างหนักที่จะควบคุมไฟซึ่งเผาผลาญป่าและท้องทุ่งต่างๆ เวลานี้ เครื่องบินกองทัพสหรัฐฯแบบ บี747-400 “ซุปเปอร์แทงเกอร์” กำลังบินเหนือพื้นที่ถูกไฟป่าเผาผลาญในโบลิเบีย เพื่อช่วยเหลือปกป้องผืนป่า
ไฟไหม้ทุ่งแห่งหนึ่งในไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลโนวาซานตาเฮลานา รัฐมาตูโกรสซู เมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค.)
ในวันเสาร์(24) เฮลิคอปเตอร์จำนวนมาก พร้อมด้วยกำลังตำรวจ, ทหาร, เจ้าหน้าที่ดับเพลิง, และอาสาสมัคร ทางภาคพื้นดิน ได้ออกปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ชิคีตาเนีย ของโบลิเวีย ซึ่งในช่วงเวลานี้ของปี พื้นที่ป่าไม้จะแห้งมาก เกษตรกรจุดไฟเผาป่ากันเป็นเรื่องธรรมดาในฤดูนี้ เพื่อถางที่สำหรับปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ แต่บางครั้งไฟก็ลุกลามจนควบคุมไม่อยู่ รัฐบาลโบลิเวียแถลงว่าในปีนี้มีพื้นที่ถูกไฟเผาผลาญ 9,530 ตารางกิโลเมตรรัฐบาลโบลิเวียของประธานาธิบดีอิโว โมราเลส นั้น สนับสนุนให้เพาะปลูกพืชกันมากขึ้นเพื่อนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า นโยบายเช่นนี้เป็นการเปิดทางให้มีการเผาป่าเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ ในทำนองเดียวกัน โบลโซนาโร ก็แถลงเรื่อยมาว่า เขาต้องการให้เปลี่ยนที่ป่าเป็นทุ่งหญ้าสำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ และไร่ถั่วเหลือง พวกอัยการบราซิลกำลังสอบสวนกันอยู่ว่า ความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมจะมีส่วนสำคัญทำให้จำนวนไฟป่าเพิ่มพรวดขึ้นในปีนี้ใช่หรือไม่
กระทรวงยุติธรรมบราซิลก็แถลงว่า จะจัดส่งตำรวจรัฐบาลกลางไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดไฟป่า เพื่อช่วยเหลือพวกหน่วยงานต่างๆ ในระดับรัฐ และสู้รบปราบปราม “การทำลายป่าอย่างผิดกฎหมาย” ไฟป่าเป็นเรื่องสามัญในช่วงหน้าแล้งของทุกปีในบราซิลก็จริง แต่ในปีนี้จำนวนได้เพิ่มขึ้นมาก โดยที่พวกผู้เชี่ยวชาญของรัฐบราซิลรายงานว่า มีไฟป่าเกิดขึ้นถึง 77,000 จุดทั่วทั้งประเทศแล้วในปีนี้ สูงขึ้นถึง 85% จากระยะเดียวกันของปี 2018 กว่าครึ่งหนึ่งของไฟป่าเหล่านี้เกิดขึ้นในเขตป่าแอมะซอน
ที่มา:MGR ONLINE