Admin 2 พ.ค. 2562

1 ปี ปิด "อ่าวมาหยา" ฟื้นสวรรค์อันดามันให้กลับคืนมาอีกครั้ง

"อ่าวมาหยา" สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดัง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวรรค์แห่งอันดามัน 

แต่ด้วยความสวยงามและชื่อเสียงอันโด่งดัง

ทำให้อ่าวมาหยาต้องประสบกับชะตากรรมจากการท่องเที่ยวที่เข้าถาโถมรุมเร้าเข้ามาแบบไม่บันยะบันยัง

จนอ่าวมาหยาเสื่อมโทรมบอบช้ำหนัก

ทำให้ต้องพักด้วยการประกาศปิดอ่าวมาหยา ซึ่งจะครบรอบ 1 ปี ของการปิดอ่าวในวันที่ 1 มิถุนายน 2562 นี้

สำหรับการปิดอ่าวมาหยา ถือเป็นการให้ธรรมชาติที่เจ็บป่วยได้พักผ่อน พักฟื้น พักรักษาตัว เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาเป็นอ่าวมาหยาอันสวยงามดุจดังสวรรค์แห่งท้องทะเลอีกครั้งหนึ่ง

1-1

มาหยาป่วย จึงต้องปิด!

อ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นดังเพชรเม็ดงามของท้องทะเลไทยในฝั่งอันดามัน ด้วยทำเลที่ตั้งที่ไม่ห่างฝั่งจนเกินไป และใกล้เกาะพีพี อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ตั้งอยู่ในฝั่งทะเลอันดามันที่ขึ้นชื่อเรื่องความใสของน้ำทะเล และรูปลักษณ์ที่สวยงามของภูเขาหินปูน ที่เสริมส่งให้อ่าวมาหยามีความสวยงามยิ่งขึ้น จนถูกยกให้เป็นดังสวรรค์แห่งอันดามัน

ด้วยความสวยงามและชื่อเสียงอันโด่งดังของอ่าวมาหยา ทำให้แต่ละวัน มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสชายหาดบนเกาะมาหยามากถึง 3,000-4,000 คน/วัน

ขณะที่จากผลสำรวจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถึงศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในอุทยานแห่งชาตินั้น อ่าวมาหยาสามารถรองรับคนได้เต็มที่เพียง 375 คน/วัน เท่านั้น

นั่นจึงทำให้แทบทุกตารางเมตรบนพื้นดินของอ่าวมาหยา คราคล่ำไปด้วยผู้คนโดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่แทบไม่มีที่ให้ยืน ในท้องทะเลหน้าหาดมีเรือท่องเที่ยวหลากหลายประเภทลอยลำกันจนแน่นอ่าวใต้ทะเลถูกโยนสมอเรือลงไปวันละเป็นร้อย ๆ ครั้งในทุก ๆ วัน

อ่าวมาหยามีสภาพแบบนี้มายาวนานนับสิบปี จนเกิดอาการป่วยไข้สะสมเรื่อยมา ก่อนจะเข้าสู่สภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก จนทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะของหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ ต้องประกาศปิดเกาะฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเพื่อให้สภาพทั้งใต้น้ำและบนเกาะ กลับมามีความสวยงามอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ทางกรมอุทยานฯ ยังแนะนำให้ไปใช้ท่องเที่ยวที่ "เกาะห้อง" ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และมีความสวยงามไม่แพ้กันกับอ่าวมาหยาทดแทน

1-2

ในรูป ใต้ทะเลฝั่งซ้ายที่เสื่อมสภาพต้องมีการปลูกปะการัง

"มาหยาเสียหายกว่าที่คิด"

เดิมกรมอุทยานฯประกาศปิดอ่าวมาหยาเพียง 3 เดือน ต่อมาจึงขยายออกไปเป็นครึ่งปี และจนจะครบ 1 ปีในที่สุด

นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานฯให้ความเห็นว่า ?เดิมคิดว่าอ่าวมาหยาเสื่อมโทรมไม่มาก แต่ครั้นได้ทำงานสำรวจความเสียหายกันอย่างจริงจัง จึงเห็นว่าอ่าวมาหยาต้องใช้เวลามากกว่าที่คาดกันไว้ในการฟื้นฟู

เปรียบเหมือนที่ต้องเข้าโรงพญาบาลเพราะเป็นหวัด แต่พอหมอตรวจร่างกายก็เป็นเห็นโรคภัยอีกหลายอย่าง ที่จะต้องรักษาอย่างเร่งด่วน?

สำหรับการสำรวจอ่าวมาหยาทั้งหมดเพื่อดำเนินการฟื้นฟู พบว่าทางด้านขวามือของอ่าว ปะการังยังมีความสมบูรณ์อยู่ แม้เป็นพื้นที่ไม่มาก

1-3

ส่วนทางด้านซ้ายมือนั้นเมื่อน้ำลงเต็มที่จึงเห็นว่าปะการังหน้าอ่าวมาหยาทางด้านนี้พังพินาศแทบทั้งหมด แทบจะราบเป็นหน้ากลอง ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง จึงได้มีการดำเนินการ ฟื้นฟูปลูกปะการังเสริมขึ้นในพื้นที่นี้ตามกระบวนการการปลูกปะการังของทางกรมอุทยานฯ

ขณะที่ส่วนของการปลูกพืชให้ฟื้นคืนสภาพระบบนิเวศบนเกาะนั้นจะเน้นที่พืชธรรมชาติที่มีอยู่บนเกาะ ซึ่งมีทั้งพืชที่เคยมีอยู่แล้วบนเกาะ และพืชบางชนิดที่ช่วยเกาะยึดหน้าดิน เพื่อป้องกันการพังทลายของเนินทราย ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันโดยใช้ระบบธรรมชาติ

โดยงานในส่วนของการฟื้นฟูธรรมชาตินั้น ทางกรมอุทยานฯ ได้ มอบหมายให้ "ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง" เป็นผู้รับหน้าที่ฟื้นฟูในภารกิจดังกล่าวทั้งบนบกและใต้น้ำ

มาหยาเมื่อ (เริ่ม) ปิดเกาะ

เมื่ออ่าวมาหยาไม่มีกิจกรรมของมนุษย์บนชายหาด สภาพธรรมชาติที่เสื่อมโทรมเริ่มดีขึ้น น้ำทะเลกลับมาสะอาดสวยใส พร้อมทั้งมีฉลามหูดำเข้ามาว่ายน้ำอยู่ในอ่าวอยู่เนือง ๆ ซึ่งเดิมในช่วงที่คนมาเที่ยวอ่าวมาหยากันเป็นจำนวนมาก โอกาสที่จะพบกับฉลามหูดำนั้นเป็นไปได้ยากมาก

1-4

นอกจากนี้ยังมีการรายงานสภาพจากผู้ปฏิบัติงานว่าพบบนชายหาด มีปูลมและปูปั้นทรายหวนกลับมาแล้ว ซึ่งเมื่อครั้งที่ยังมีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำบนชายหาดจะไม่มีการพบเห็นปูสองชนิดนี้เลย

อีกทั้งปรากฏผักบุ้งทะเลเกิดขึ้นเองบนชายหาดของอ่าวมาหยา ซึ่งผักบุ้งทะเลนี้เป็นพืชยึดเกาะและคอยควบคุมการพังทลายของทรายชายหาด

เมื่อหาดทรายบนอ่าวมาหยาไม่ถูกย่ำเดินจนแน่น ทำให้ทะเลทำหน้าที่พัดพาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น กระบวนการทางธรรมชาติหลายอย่างค่อย ๆ กลับคืนมาสู่อ่าวมาหยาอย่างช้า ๆ

มาหยา มองไปข้างหน้า

นอกจากการฟื้นฟูระบบนิเวศ การฟื้นฟูโลกใต้ทะเลและบนบกแล้ว กรมอุทยานฯ ยังวางแผนในการดำเนินการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้สำหรับการท่องเที่ยวที่จะมีขึ้นใหม่

แต่ครั้งนี้จะเป็นการท่องเที่ยวที่มีการควบคุมและให้รบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด เช่น มีการทำที่จอดเรือใหม่ ที่ไม่ใช่ด้านหน้าเกาะ ทำทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ไม่ต้องย่ำไปบนพื้นดิน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ต้องสอดคล้องกับระบบนิเวศในพื้นที่บนเกาะเป็นต้น

ดร.ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้อธิบายให้เห็นภาพของอ่าวมาหยาที่วางเป้าหมายไว้คือ จะมีการดำเนินการการสร้างท่าจอดเรือทางด้านอ่าวโล๊ะซะมะ ซึ่งเป็นหาดหิน รวมทั้งเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ โดยช่วงเวลาของการดำเนินการก็จะสอดคล้องกับการฟื้นฟูการดำเนินการในด้านอื่นควบคู่กันไป

"เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและอ่านมาหยาเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่ง เราจะเห็นการจัดการที่เป็นระบบระเบียบมากกว่านี้ ธรรมชาติจะพร้อมในการรองรับการท่องเที่ยวที่มีกฎกติกา และจะเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง" ดร.ทรงธรรม กล่าว

มาหยาจะกลับมา เมื่อใด ?

ดร.ทรงธรรม ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การท่องเที่ยวนั้นเป็นเพียงมิติหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการธรรมชาติที่สมบูรณ์ เรามีปะการังที่สวยงาม มันไม่ได้มีประโยชน์แค่การที่คนมาดำดูปะการัง แต่แนวปะการังคือแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำเล็กที่จะออกไปสู่ทะเลใหญ่ เป็นอาหารของคน มันเกี่ยวพันมันเชื่อมโยงกันหมด

"กรมอุทยานฯไม่ได้มองเห็นแค่เงินรายได้ จากค่าธรรมเนียม แต่เราห่วงเรื่องทรัพยากรธรรมชาติมากกว่า ผมยังให้หลักประกันไม่ได้ว่าอ่าวมาหยาจะปิดอีกกี่ปี ทางนักวิชาการเขาก็อยากให้ปิดอย่างน้อยสองปี เพื่อให้ธรรมชาติที่ฟื้นกลับมามันแข็งแรงก่อนค่อยเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่ทางภาคธุรกิจท่องเที่ยวเขาก็อยากให้เปิดไว ๆ

เอาเป็นว่าเราจะเปิดเมื่อมีความพร้อมที่สุด สำหรับอ่าวมาหยาเราปิดเพื่อเตรียมความพร้อม ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เรากำลังพิจารณาถึงกฎ ระเบียบสำหรับการเปิดอีกครั้ง ไม่ต้องกลัวเราเปิดให้คนเข้ามาดูธรรมชาติที่สวยงามแน่นอน ธรรมชาติเป็นของคนทั้งประเทศ"

ดร.ทรงธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเปิดอ่าวมาหยาใหม่อีกครั้งต้องไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบเดิม ๆ ที่โถมเข้ามาจนธรรมชาติเสียหาย แต่การท่องเที่ยวแบบใหม่จะยั่งยืนในพื้นที่ธรรมชาติที่เราดูแลไว้ให้

"เรื่องของธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวพันกันไปทั่ว บางทีผลกระทบที่เกิดขึ้นเราอาจจะยังนึกไม่ถึง อย่าลืมนะว่าเรื่องของธรรมชาตินั้น เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว" ดร.ทรงธรรม กล่าวทิ้งท้าย

และนี่ก็คือปรากฏการณ์จากการปิดอ่าวมาหยา ซึ่งเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 ปี ของการปิดอ่าวนั้น ปรากฏว่ามีสัญญาณดีทางธรรมชาติหลาย ๆ อย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าสวรรค์แห่งอันดามันที่เคยบอบช้ำจะฟื้นชีวิตกลับมาสวยสดงดงามอีกครั้งหนึ่ง

...ขอเพียงทุกคนร่วมด้วยช่วยกันอย่างจริงจัง จริงใจ

ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์