Admin
2 ต.ค. 2562
นักวิชาการชี้ฝุ่นพิษหลงฤดูในกรุงเทพฯ ฟ้องความล้มเหลวของภาครัฐในการรับมือปัญหามลพิษ PM2.5
ฝุ่นควันพิษ PM2.5 ยังปกคลุมกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดในภาคกลางและภาคอีสานเป็นวันที่สอง แม้สถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ค่าฝุ่น PM2.5 ในบางพื้นที่เช่น ฝั่งธนบุรี-จ.สมุทรสาคร และ จ.ขอนแก่น ยังคงสูงกว่าค่ามาตรฐาน ด้านกรมควบคุมมลพิษยืนยันสถานการณ์ยังไม่วิกฤต พร้อมระบุรัฐบาลรับทราบปัญหา และกำลังดำเนินการรับมือแล้ว
หมอกควันมลพิษหนาทึบปกคลุมกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 29 กันยายน // สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / ปรัชญ์ รุจิวนารมย์
ประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวเมื่อวันที่ 30 กันยายนว่า ปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM2.5 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานมีสาเหตุมาจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นหลงฤดูมากดทับตั้งแต่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มวลอากาศนิ่ง ส่งผลให้มลพิษที่เกิดในพื้นที่ไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวก และสะสมทำให้เกิดม่านหมอกมลพิษนอกฤดูกาล
อนึ่ง พื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักประสบปัญหาหมอกควันมลพิษในช่วงฤดูหนาว ระหว่าง เดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ จากปัจจัยมวลความกดอากาศสูงตามฤดูกาล
กราฟแสดงคุณภาพอากาศ PM2.5 AQI โดยแอปพลิเคชัน Air Visual //ขอบคุณภาพจาก ผศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช
ประลอง ยืนยันว่า ปัญหาหมอกควันฝุ่น PM2.5 ในขณะนี้ อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเพียงเล็กน้อย และข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ปริมาณฝนที่มากขึ้นตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป จะทำให้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 คลี่คลายลง
จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศและค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผ่านระบบรายงานคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ของกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พบว่า ระดับ PM2.5 ในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว แต่ว่าบางพื้นที่ในกรุงเทพฯเช่น เขตบางขุนเทียน รวมไปถึง จ.สมุทรสาคร และจ.ขอนแก่น ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินมาตรฐาน โดยเขตบางขุนเทียนมีระดับค่า PM2.5 สูงที่สุดที่ 108 มคก./ลบ.ม. เมื่อเวลา 5.00 น.
นอกจากนี้ ประลอง ยังกล่าวเสริมว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบปัญหาและได้สั่งการให้มีการเตรียมแผนแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าวิตกกับสถานการณ์ PM2.5
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ แถลงหลังจากการประชุมว่า ภายหลังกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดในภาคกลางและภาคอีสานประสบปัญหามลพิษจากฝุ่น PM2.5 พล.อ.ประยุทธ์ จึงเรียกประชุมกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม หน่วยงานปกครองส่วนท้องที่ 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหา
แผนที่วิเคระห์คุณภาพอากาศโดยดาวเทียม //ขอบคุณภาพจาก: สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
นฤมล รายงานว่า ในที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 และให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรายงานแผนการดำเนินการเพื่อแก้ไขสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ เพื่อเป็นแนวทางในการบรรเทาปัญหาในเบื้องต้น
อย่างไรก็ดี สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพื้นที่กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ของประเทศไทยที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบากศ์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกือบทุกสถานี ถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ร้ายแรงในระดับที่สอง ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ในมติครม.5 กพ 2562 เรื่องแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5
สนธิ กล่าวว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ มติครม.ดังกล่าวกำหนดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องดำเนินการออกมาตรการเพิ่มความเข้มงวดต่างๆ เพื่อรับมือและบรรเทาสถานการณ์ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบปัญหามลพิษ PM2.5 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ โดยส่วนราชการอื่นๆเป็นหน่วยสนับสนุนในการควบคุมการปล่อยมลพิษจากแหล่งที่มาต่างๆเช่น การเผาในที่โล่ง การจราจรและการขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงออกมาตรการเสริมต่างๆเช่น แจกจ่ายหน้ากากป้องกันมลพิษ ประกาศหยุดการเรียนการสอน หรือรณรงค์ให้พนักงานรัฐและเอกชนทำงานจากที่บ้าน
กระนั้น สนธิ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีหลักฐานเชิงประจักรว่าความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นควัน PM2.5 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานมีความรุนแรงถึงเกณฑ์ที่จะต้องยกระดับแนวปฏิบัติในการรับมือและแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ให้เข้มข้นขึ้น หากแต่หน่วยราชการส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉย สะท้อนถึงการขาดความตื่นตัวของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 อันเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ
ด้าน ผศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความเห็นต่อปัญหาดังกล่าวว่า สถานการณ์หมอกควัน PM2.5 หลงฤดูในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของทั้งภาครัฐและภาคประชาชนในการป้องกันและรับมือกับปํญหาฝุ่น PM2.5
ผศ.ดร.วิษณุ กล่าวว่า จากการสังเกตของตนพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่คุณภาพอากาศในกรุงเทพฯเลวร้ายจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่แทบจะไม่มีคนใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตนเองจากมลพิษฝุ่น PM2.5 เลย ต่างกับชาวต่างประเทศที่มีความตื่นตัวมากกว่า และใส่หน้ากากอนามัยกันจริงจังมากเวลามีมลพิษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการสื่อสารถึงความเสี่ยง (Risk Communication) ของภัยร้ายแรงให้กับสังคมได้รับทราบ
"เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพียงบททดสอบแรกของฝุ่นพิษที่เราจะเจอบททดสอบถัดไปแน่ๆในอีก 3-4 เดือนข้างหน้าเพื่อเป็นการลดการสูญเสียให้กับสังคมในเชิงสุขภาพ รัฐบาลควรต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ควบคู่กับมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมาต่อไปด้วยครับ เข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก แต่เอาใจช่วยให้ทำสำเร็จนะครับ ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อสังคมไทยของเราครับ" ผศ.ดร.วิษณุ เสนอ
ที่มา: GREENNEWS